สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า
ทุ่งกุลา
คนชายแดน:
มือใหม่หัดครับ
สายลมพริ้วปลิวไสวกลางสายหมอก แดดอ่อนออกตอนรุ่งเช้าช่างงามแสน
มองทุ่งหญ้าพริ้วไสวสู้ลมแรง ยามตะวันยอแสงช่างงามตา
ฤดูกาลยามหน้าหนาวช่างหนาวเหน็บ หนาวจนเจ็บหัวใจไขสันหลัง
หาผ้าห่มคลุมกายพอประทัง ด้วยกำลังชาติชนคนเดินดิน
ถิ่นอีสานผ่านมามีเรื่องเล่า คนเขาเว้านิทานนานหนักหนา
ทุ่งแห้งแล้งหน้าร้อนเดือนมีนา ย่างเมษากลางเดือนยิ่งระทม
ชนกุลาพ่อค้าจนหน้ามืด มองเห็นพื้นดินทรายไกลอักโข
เดินรอนแรมมาไกลหลายไมล์โล มาร้องโฮ่ ทุ่งกุลาพาเป็นลม
สายลมพริ้วปลิวไสวกลางสายหมอก จูงควายออกเล็มหญ้าพาสุขสม
ฝูงนกบินเล่นลอยคลอสายลม ดั่งอินทร์พรมหแต้มแต่งแปลงลงมา
อีสานเศร้าหลายปีครานี้ผ่าน ทุ่งดอกจานบานสะพรั่งดังเวหา
มองทุ่งไกลเขียวขจีมีท้องนา ทุ่งกุลาไม่เเล้งเหมือนดั่งเคย
ขำขำครับมือใหม่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับและช่วยแนะนำขัดเกลาให้ด้วย ขอบคุณครับ
ชบาบาน:
ยินดีต้อนรับคนชายแดนขอรับกระผม
บุญเทิด:
คุณคนชายแดน ถ่อมตัวเกินไปนะครับ พี่ชบาบาน กลอนไพเราะมาก นี่กวีตัวจริง ๆ มาแน่ๆ ทีเดียว ครับ ไพเราะ ยิ่ง แต่งเสียเห็นภาพชาวทุ่งกุลาสมัยเทียวครับ สุดยอด ...... :'e:72
ลุงชัย นรา:
ทุ่งกุลาร้องไห้...ในอดีต......เคยไปนั่งกินสาโท ริมทุ่งกุลาที่ชุมพลบุรี จ. สุรินทร์ เมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา.....ยังจำบรรยากาศ ความแห้งแล้งของท้องทุ่งกว้างไกลสุดลูกหู ลูกตาได้ แต่...กลับชุ่มฉ่ำ สดชื่นด้วยน้ำใจ ของหมู่มิตร..พอมาอ่านกลอนบทนี้ ของ คนชายแดน ก็เลยทำให้ความหลัง มลังเมลือง ขึ้นมาอีก ขอบคุณมากครับ...
กุลา..ไม่ร้องไห้ที่ทุ่งนี้อีกแล้ว.....
บุญเทิด:
แสดงว่าภาพที่ลุงชัยมาลงเป็นนาของลุงชัย แน่ ๆ เลย ...ข้าวงามมากครับ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version