สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

ทุ่งกุลา

(1/2) > >>

คนชายแดน:
มือใหม่หัดครับ

สายลมพริ้วปลิวไสวกลางสายหมอก                              แดดอ่อนออกตอนรุ่งเช้าช่างงามแสน

มองทุ่งหญ้าพริ้วไสวสู้ลมแรง                                     ยามตะวันยอแสงช่างงามตา

ฤดูกาลยามหน้าหนาวช่างหนาวเหน็บ                              หนาวจนเจ็บหัวใจไขสันหลัง

หาผ้าห่มคลุมกายพอประทัง                                       ด้วยกำลังชาติชนคนเดินดิน

ถิ่นอีสานผ่านมามีเรื่องเล่า                                         คนเขาเว้านิทานนานหนักหนา

ทุ่งแห้งแล้งหน้าร้อนเดือนมีนา                                     ย่างเมษากลางเดือนยิ่งระทม

ชนกุลาพ่อค้าจนหน้ามืด                                           มองเห็นพื้นดินทรายไกลอักโข

เดินรอนแรมมาไกลหลายไมล์โล                                  มาร้องโฮ่  ทุ่งกุลาพาเป็นลม

สายลมพริ้วปลิวไสวกลางสายหมอก                              จูงควายออกเล็มหญ้าพาสุขสม

ฝูงนกบินเล่นลอยคลอสายลม                                     ดั่งอินทร์พรมหแต้มแต่งแปลงลงมา

อีสานเศร้าหลายปีครานี้ผ่าน                                       ทุ่งดอกจานบานสะพรั่งดังเวหา

มองทุ่งไกลเขียวขจีมีท้องนา                                      ทุ่งกุลาไม่เเล้งเหมือนดั่งเคย

ขำขำครับมือใหม่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับและช่วยแนะนำขัดเกลาให้ด้วย ขอบคุณครับ

ชบาบาน:
ยินดีต้อนรับคนชายแดนขอรับกระผม

บุญเทิด:
คุณคนชายแดน ถ่อมตัวเกินไปนะครับ พี่ชบาบาน กลอนไพเราะมาก นี่กวีตัวจริง ๆ มาแน่ๆ ทีเดียว ครับ ไพเราะ ยิ่ง แต่งเสียเห็นภาพชาวทุ่งกุลาสมัยเทียวครับ สุดยอด ...... :'e:72

ลุงชัย นรา:
ทุ่งกุลาร้องไห้...ในอดีต......เคยไปนั่งกินสาโท ริมทุ่งกุลาที่ชุมพลบุรี จ. สุรินทร์ เมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา.....ยังจำบรรยากาศ ความแห้งแล้งของท้องทุ่งกว้างไกลสุดลูกหู ลูกตาได้ แต่...กลับชุ่มฉ่ำ สดชื่นด้วยน้ำใจ ของหมู่มิตร..พอมาอ่านกลอนบทนี้ ของ คนชายแดน ก็เลยทำให้ความหลัง มลังเมลือง ขึ้นมาอีก ขอบคุณมากครับ...

กุลา..ไม่ร้องไห้ที่ทุ่งนี้อีกแล้ว.....

บุญเทิด:
แสดงว่าภาพที่ลุงชัยมาลงเป็นนาของลุงชัย แน่ ๆ  เลย ...ข้าวงามมากครับ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version