ผู้เขียน หัวข้อ: “กล้วยน้ำว้า” คุณค่าล้นเหลือ  (อ่าน 1203 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วิทยา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 576
    1107



“กล้วยน้ำว้า” คุณค่าล้นเหลือ



      คงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า ผลไม้อย่าง “กล้วย” นั้นมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง นอกจากผลของกล้วยจะเป็น
ผลไม้รสชาติหวานอร่อยแล้ว ส่วนอื่นๆ ของต้นกล้วยก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกหลายอย่าง ตั้งแต่ใบกล้วยหรือ
ใบตอง ลำต้น หรือแม้กระทั่งหัวปลี


       
       แต่สำหรับกล้วยที่ “108 เคล็ดกิน” จะมาบอกถึงคุณสมบัติอันน่ามหัศจรรย์ ก็คือ “กล้วยน้ำว้า” ที่ต้องบอกว่าประโยชน์
ที่เราได้จากกล้วยน้ำว้านั้นมีมากเกินกว่าที่เราจะคาดถึงเลยทีเดียว



       ในผลกล้วยน้ำว้าสุก 1 ผลนั้น ให้พลังงานแก่ร่างกายของเราได้ประมาณ 60 กิโลแคลอรี่ ซึ่งในพลังงานที่ได้รับนี้
เป็นพลังงานจากน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า โดยมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน คือ ซูโครส ฟรุกโตส และกลูโคส
       
       ส่วนแร่ธาตุและวิตามินที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้าก็มีทั้ง แมกนีเซียมและโพแทสเซียม ที่ช่วยป้องกันโรคความดัน มีวิตามินบี 6
ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน มีวิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซี และยังมีวิตามินเอมากที่สุดในบรรดากล้วยทั้งหลายอีกด้วย
       
       ที่พิเศษสุดก็คือ ในกล้วยน้ำว้าจะมีโปรตีนอยู่ด้วย โดยมีทั้งกรดอมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญ
และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก และเพราะว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์แบบนี้เอง คุณพ่อคุณแม่จึงให้เด็กๆ
กินกล้วยน้ำว้าบดเป็นอาหารอย่างแรกๆ ก่อนที่จะลองให้กินอาหารชนิดอื่นเมื่อโตขึ้น


     
       สำหรับสรรพคุณทางยาของกล้วยน้ำว้า ในผลดิบนั้นใช้รักษาอาการท้องเดิน-ท้องเสีย โดยใช้ประโยชน์จากสารแทนนิน
ที่มีอยู่ในผลดิบของกล้วยน้ำว้า วิธีบริโภคก็คือให้กินทั้งเปลือก หรือจะหั่นเป็นแว่นๆ แล้วตากแห้ง นำมาบดชงผสมกับน้ำร้อน
หรือบดแล้วปั้นเป็นเม็ดกินก็ได้


       
       และผลดิบของกล้วยน้ำว้าก็ยังสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วย โดยใช้กล้วยน้ำว้าดิบนำมาปอกเปลือก
ฝานเอาแต่เนื้อเป็นแผ่นบางๆ ตากแดดจนแห้งกรอบแล้วบดเป็นผงละเอียด ละลายกินกับน้ำข้าวหรือน้ำผึ้งก็ได้ ซึ่งในกล้วยดิบ
จะกระตุ้นเซลล์เยื่อบุในกระเพาะอาหารให้หลั่งสารมิวซินออกมาเคลือบกระเพาะ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้

 
     
       ส่วนในกล้วยน้ำว้าสุก สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ หรือเจ็บหน้าอกจากการไอแห้งๆ ลดการระคายเคืองในลำคอ
จากอาการไอ กล้วยน้ำว้าสุกช่วยระงับกลิ่นปากได้ โดยหลังจากตื่นนอนแล้วให้กินกล้วยน้ำว้าทันที แล้วค่อยแปรงฟัน
       
       และถ้ากินกล้วยแล้วเหลือเปลือกไว้ ที่เปลือกของกล้วยน้ำว้าก็ยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้
เกิดหนอง อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการคันเนื่องจากแมลงกัดต่อยได้ด้วย


     
       สรรพคุณของกล้วยน้ำว้ามีเยอะขนาดนี้ จะกินกล้วยน้ำว้าวันละ 1-2 ผล ก็คงจะได้ประโยชน์กับสุขภาพของเราไม่น้อย
       
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

นำมาจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093550



+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=17803

ออฟไลน์ จงรักษ์

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 329
    65
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์
Re: “กล้วยน้ำว้า” คุณค่าล้นเหลือ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 05/ส.ค./13 21:09น. »

ใช่เลยครับ...กลัวยน้ำหว้าของเรามีคุณค่ามากมายจริงๆครับ..อย่าทานกล้วทุกวันน่ะครับ...

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=17803