สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

รุ้งสลาย

(1/2) > >>

ชบาบาน:
   นั่งหมองเหม่อเผลอกายริมท้ายทุ่ง
ม่านสายรุ้งทาบฟ้าคราเย็นย่ำ
กบเขียดร้องลองไนร่ายระบำ
ปรอยฝนฉ่ำโลมหล้ามาเบาเบา

แล้วแพรุ้งก็เคลื่อนเลือนลับหาย
เยือกเย็นกายวาบหวามกับความเหงา
คนระทมไหวร่างอย่างซึมเซา
ทั้งขลาดเขลาเซื่องเซ่อหมองเหม่อลอย

ฟ้าทอสีเทาหม่นอยู่บนฟ้า
คล้ายดังว่าฟ้าเล่าก็เศร้าสร้อย
ยามสายรุ้งลับลาสุดตาคอย
สะอื้นอ่อยอัดอั้นตันในทรวง

คนพ่ายรักเหลือบมองแล้วตรองตรึก
ความรู้สึกบาดใจอย่างใหญ่หลวง
เหมือนสูญสิ้นความหวังในทั้งปวง
น้ำใสร่วงเปื้อนหน้าชุ่มตาโรย.

ลุงชัย นรา:
...สุดยอดมากๆ เลยครับท่าน..เป็นบทกวี แนวที่ผมชื่นชอบมากเลยครับ

ชบาบาน:
พนมมือคารวะท่านลุงชัย รินน้ำใจให้เสมอมา มิเคยเหือดแห้ง  สมกับการเป็นกัลยาณมิตรต่อกันจริงๆ ขอคุณขอรับ

นู๋หนุ่ย:
ไม่เข้าใจท่อนนี้เลยค่ะ กบเขียดร้องลองไนร่ายระบำ คำว่า ลองไน ในที่นี้หมายถึงอะไรคะ โดยรวมแล้วแต่งดีนะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ชบาบาน:
ขอบคุณท่านหนูหนุ่ยเป็นที่ยิ่งที่แวะเวียนเข้ามาให้ความคิดความเห็น  บทร้อยกรองชักจะหาคนเล่นได้ยากเข้าทุกวัน กระผมพยายามกระตุ้นให้
คนที่มีความรู้  คนที่มีความสามารถ มาช่วยกันสืบสานวรรณศิลป์ให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน  ข้อสงสัยของท่านคำว่า"ลองไน" เป็นแมลงประเภทจั๊กกระจั่น
น่ะขอรับ  มันจะส่งเสียงร้องเวลาครึ้มฟ้าครึ้มฝน  มีอยู่ทั่วไปตามป่าที่ไม่รกเรื้อนัก แทบทุกภาคแต่อาจจะเรียกชื่อไม่เหมือนกันเท่านั้นขอรับ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version