สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

ปลอบใจ...ไปวันวัน

(1/2) > >>

ชบาบาน:
     แม้ปีเดือนเคลื่อนคล้อยลอยลับแล้ว
ยังมีแววความหวังบ้างไหมหนอ
เมื่อคราครั้งสองเรายังเคล้าคลอ
แนบพนอทอดใจให้แก่กัน

รอยรื่นรมย์สมใจที่ได้ผ่าน
สุดวาบหวานดังห้วงสรวงสวรรค์
แต่เป็นเพราะอุปสรรคหนักอนันต์
ห่วงสัมพันธ์เลือนสลายกับสายลม

เที่ยวร่อนเร่เซซ้ำตามกรรมซัด
กายวิบัติกลั้นสะอื้นแสนขื่นขม
ไม่อาจเงยหน้ารับกับสังคม
สู้ทนก้มทอดตารื้นกับผืนดิน

เธอเป็นเช่นรุ้งรวงทาบห้วงหาว
ดังแสงดาวประดับจิตเป็นนิจสิน
ดังสายลมวสันต์อันรวยริน
ดังมวลกลิ่นพรรณผกามาเลียโลม

แม้แสนรักหนักหน่วงสุดทรวงเสียว
แต่ห่อเหี่ยวเพราะกายามาเสียโฉม
ทั้งความรักความหวังมาพังโครม
คงประโลมปลอบใจไปวันวัน.
 
 

เวียงสา980:
เพราะจังเลย ค่ะ ท่านชบาบาน  :'e:132 :'e:132

ชบาบาน:
บวกขอบคุณให้ด้วยความเคารพ มาเยี่ยมกันอีกนะขอรับ

ลุงชัย นรา:
...เพราะมากมากครับ...ซึม..เศร้า...เข้าในอารมณ์...

ชบาบาน:
ขอบคุณท่านลุงชัย ขอรับ มีแต่คำชม ขอคำติบ้างขอรับกระผม

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version