สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า
ปลอบใจ...ไปวันวัน
ชบาบาน:
แม้ปีเดือนเคลื่อนคล้อยลอยลับแล้ว
ยังมีแววความหวังบ้างไหมหนอ
เมื่อคราครั้งสองเรายังเคล้าคลอ
แนบพนอทอดใจให้แก่กัน
รอยรื่นรมย์สมใจที่ได้ผ่าน
สุดวาบหวานดังห้วงสรวงสวรรค์
แต่เป็นเพราะอุปสรรคหนักอนันต์
ห่วงสัมพันธ์เลือนสลายกับสายลม
เที่ยวร่อนเร่เซซ้ำตามกรรมซัด
กายวิบัติกลั้นสะอื้นแสนขื่นขม
ไม่อาจเงยหน้ารับกับสังคม
สู้ทนก้มทอดตารื้นกับผืนดิน
เธอเป็นเช่นรุ้งรวงทาบห้วงหาว
ดังแสงดาวประดับจิตเป็นนิจสิน
ดังสายลมวสันต์อันรวยริน
ดังมวลกลิ่นพรรณผกามาเลียโลม
แม้แสนรักหนักหน่วงสุดทรวงเสียว
แต่ห่อเหี่ยวเพราะกายามาเสียโฉม
ทั้งความรักความหวังมาพังโครม
คงประโลมปลอบใจไปวันวัน.
เวียงสา980:
เพราะจังเลย ค่ะ ท่านชบาบาน :'e:132 :'e:132
ชบาบาน:
บวกขอบคุณให้ด้วยความเคารพ มาเยี่ยมกันอีกนะขอรับ
ลุงชัย นรา:
...เพราะมากมากครับ...ซึม..เศร้า...เข้าในอารมณ์...
ชบาบาน:
ขอบคุณท่านลุงชัย ขอรับ มีแต่คำชม ขอคำติบ้างขอรับกระผม
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version