ผู้เขียน หัวข้อ: ลองนะ “ระนอง”...แช่น้ำแร่สุขสม รื่นรมย์ธรรมชาติ 5 น้ำ  (อ่าน 1676 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วิทยา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 576
    1108


ลองนะ “ระนอง”...แช่น้ำแร่สุขสม รื่นรมย์ธรรมชาติ 5 น้ำ
โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)


ระนองเมืองฟ้าฉ่ำฝน
       ระนอง เป็นจังหวัดประตูสู่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งวันนี้มี “สายการบินนกแอร์” บินตรงจากกรุงเทพฯ(ดอนเมือง)
สู่ระนอง ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น สำหรับแหล่งท่องเที่ยวของเมืองระนองนั้นมีหลากหลาย ทั้งทะเล น้ำตก ขุนเขา
ป่าชายเลน ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม วัดวาอาราม วิถีชีวิต อีกทั้งยังสามารถข้ามแดนไปเที่ยวยังพม่า ประเทศ
เพื่อนบ้านได้อย่างสะดวกโยธิน และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ทางการท่องเที่ยวของเมืองระนองผ่านมุมมองธรรมชาติ 5 น้ำ
ที่แต่ละน้ำต่างก็มีสิ่งน่าสนใจแตกต่างกันออกไป


หมอกฝน อีกหนึ่งเสน่ห์แห่งเมืองฝนแปด แดดสี่

1.น้ำฝน   
  
       ระนองได้ชื่อว่าเป็น “เมืองฝนแปด แดดสี่” ที่มีฝนตกชุกที่สุดในเมืองไทย อย่างไรก็ดีสายฝนที่โปรยสายลงมา
เป็นจำนวนมาก ได้ส่งผลดีต่อระนองทำให้เมืองนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้เขียวขจี มีความเย็นชุ่มฉ่ำ อากาศดี
โดยเฉพาะในยามฟ้าหลังฝน ระนองจะดูเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ ตามยอดเขามีสายหมอกลอยระเรี่ยไต่ยอดปกคลุมดูสวย
งามเพลินตา นับเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวอันโดดเด่นของเมืองระนอง ที่เมื่ออยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวอะไรกับฝน ฉันใดก็ฉันเพล
ที่ไประนองก็อย่ากลัวอะไรกับฝน


น้ำตกหงาว

2.น้ำตก
          
       สายฝนที่โปรยสายลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำ ก่อให้เกิดต้นน้ำลำธาร รวมไปถึงน้ำตกต่างๆในระนอง สำหรับน้ำตก
ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองนี้ ย่อมหนีไม่พ้น “น้ำตกหงาว” ที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ทางการท่องเที่ยวของระนอง      
       น้ำตกหงาว ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว สามารถมองเห็นได้แต่ไกลบนท้องถนน เพราะเป็นน้ำตกสูงใหญ่
ไหลแผ่สยายลงมาจากภูเขาสูง ตัวน้ำตกมีความสวยงามร่มรื่น ช่วงหน้าฝนน้ำตกหงาวจะเปล่งพลังความงามสูงสุดออกมา
กับสายน้ำที่ถั่งโถม พร้อมกับองค์ประกอบแห่งความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า โดยเฉพาะมอสที่เขียวที่ขึ้นปกคลุมเขียวครึ้ม
ไปทั่วบริเวณปานประหนึ่งธรรมชาติได้มาปูพรมเขียวไว้ให้มนุษย์ได้ท่องทัศนากัน


ดอกโกมาซุม
       บริเวณน้ำตกหงาวยังมีกล้วยไม้ “เอื้องเงินหลวง” หรือ “ดอกโกมาซุม” ดอกไม้ประจำจังหวัดระนอง มีลักษณะคล้าย
ดอกแคทลียา กลีบสีขาว กลีบใหญ่มีแต้มสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมจางๆ ออกดอกในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งหากใคร
ไปเที่ยวในช่วงนั้น ก็จะได้สัมผัสกับสีสันของดอกโกมาซุมที่บานแต่งแต้มประดับให้น้ำตกหงาวทรงเสน่ห์มากขึ้น


ปูเจ้าฟ้า(ภาพ : อช.น้ำตกหงาว)
       อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยหนุนส่งให้น้ำตกหงาวมีอะไรให้ค้นหานั้นก็คือ “ปูเจ้าฟ้า” ที่มีลักษณะเด่นคือ มีลำตัวและก้ามเป็นสีขาว
ตรงช่วงปากมีสีม่วงอมดำ ปูชนิดนี้ชอบหลบๆซ่อนๆหากิน ตามซอกหิน ริมลำธาร หรือใต้ใบไม้ การจะพบตัวมันต้องสอดส่าย
สายตาใช้ความพยายามเป็นพิเศษ เพราะปูไม่โง่


น้ำตกบุญปาล
       นอกจากน้ำตกหงาวแล้ว ระนองยังมีน้ำตกเด่นๆ ได้แก่ “น้ำตกโตนเพชร” น้ำตกขนาดใหญ่มีสายน้ำไหลลดหลั่น
กันมามากถึง 11 ชั้น น้ำตก “น้ำตกพันเมตร”แห่งคลองนาคา มี 9 ชั้น เป็นน้ำตกสูงไหลลงมาจากยอดเขาเหมืองโซน
ในแนวดิ่งสูงถึงประมาณ 1 กม. หรือ 1,000 เมตร สมดังชื่อน้ำตก และ “น้ำตกปุญญบาล” ตั้งอยู่ริมถนน ทางหลวง
หมายเลข 4 สูงประมาณ 20 เมตร รอบบริเวณมีความร่มรื่น ถือเป็นจุดแวะเที่ยว แวะพักรถที่สำคัญ นับเป็นอีกอีกหนึ่ง
น้ำตกชื่อดังของระนอง


พระอาทิตย์ตกบริเวณปากน้ำระนอง มองเห็นประเทศเพื่อนบ้าน

3.น้ำทะเล
   
       ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทะเลระนองจัดว่ามาแรงไม่เบา ซึ่งทะเลระนองทั้งตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง
ต่างมีเสน่ห์ให้ท่องเที่ยวแตกต่างกันออกไป ทะเลตอนบนบริเวณปากน้ำระนอง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดี
ฝั่งตรงข้ามมองไปเห็นประเทศเมียนมาร์ และมีเส้นทางแสวงโชคข้ามประเทศไปยังกาสิโน“เกาะสอง” ของพม่า
ที่บางคนไปแล้วยิ้มได้ แต่หลายคนไปแล้วหมดเนื้อหมดตัวกลับมา


เกาะค้างคาว
       ข้ามไปยังทะเลตอนล่างที่มีแหลมสน หาดบางเบน เกาะกำใหญ่ เกาะกำน้อย และเกาะค้างคาว ที่มีความ
สวยงามและคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ซึ่งล่าสุดทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานชุมพร
ที่ดูแลพื้นที่ระนองด้วย ได้ชูทะเลแถบนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ เหมาะต่อการนั่งเรือเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ      
       ขณะที่ทะเลระนองตอนกลางที่กำลังรุ่งและมีชื่อมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทะเลที่นี่มีเกาะช้างกับเกาะพยามเป็น 2 เกาะ
ใหญ่อยู่เคียงคู่กัน เกาะช้าง จัดเป็นเกาะแห่งวิถีชุมชน ที่บนเกาะมีการทำสวนยางพาราและทำสวนกาหยูหรือมะม่วง
หิมพานต์ที่เป็นหนึ่ง ในกาหยูพันธุ์ดีที่สุดในเมืองไทย ที่พักบนเกาะส่วนใหญ่เป็นโฮมสเตย์อันเรียบง่าย บนเกาะช้าง
ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก นักท่องเที่ยวมีโอกาสพบ “นกแก๊ก” หรือนกเงือกพันธุ์เล็กบินอวดโฉมได้ไม่ยาก


เกาะพยามทะเลมาแรงแห่งระนอง
       ส่วนเกาะพยามที่วันนี้เริ่มเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดตลาด เกาะพยามวันนี้กำลังโตด้านการท่องเที่ยว เหมือนกับสมุย
เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน บนเกาะมีที่พักทั้งบังกะโล เกสต์เฮาส์ ราคาประหยัด และที่พักระดับไฮเอนด์ให้เลือกพักตาม
รสนิยมและกำลังทรัพย์ในกระเป๋า เกาะพยามมีหาดทรายชายทะเลสวยงามๆให้เลือกเที่ยวกันหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น
อ่าวเขาควาย หาดทรายขาว หาดทรายแดง หินทะลุ อ่าวกวางปีบ แหลมหรั่ง อ่าวใหญ่ โบสถ์กลางทะเล อีกทั้งยังมี
ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ บนเกาะพยามมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย ทั้งการออกเรือไปดำน้ำดูปะการัง นั่งชิลชิลรับลม
ฟังเสียงคลื่นอยู่ริมทะเล พายคายัคท่องทะเล ชมป่าชายเลน ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน ปั่นจักรยานเที่ยวชมเสน่ห์อันเรียบง่าย
ของเกาะ อย่างไรก็ดีบนความเติบโตดีวันดีคืนทางการท่องเที่ยว ทำให้หลายคนอดหวั่นไม่ได้ว่า ถ้าหากเกาะแห่งนี้เติบโต
แบบไร้ทิศทาง เติบโตแบบเน้นกอบโกย ขาดการวางแผนบริหารจัดการ ในอนาคตอีกไม่ไกลเกาะพยามอาจเสียศูนย์
เป็นปัญหาเหมือนกับแหล่งท่องเที่ยวรุ่นพี่ๆ ที่ถูกดาบ 2 คมทางการท่องเที่ยวฟันเป็นแผลรักษาไม่หายมาจนทุกวันนี้


เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง

4.น้ำกร่อย
     
       บนพื้นที่น้ำกร่อยริมชายฝั่งที่มีทรัพยากรป่าชายเลนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ระนองมีป่าชายเลนสำคัญในระดับโลก
อยู่นั่นก็คือ “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง” หรือ “ศูนย์วิจัยป่าชายเลนหงาว” หรือที่เรียกสั้นๆว่า “ป่าชายเลนหงาว” ที่มี
ความหลากหลายทางชีวภาพ มีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย จนองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็น
"พื้นที่สงวนชีวมณฑล ระนอง" ใน พ.ศ. 2540 (เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลประเภทป่าชายเลนแห่งแรกของโลก) และ
ได้รับการวัลกินรีจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศดีเด่น ในปี พ.ศ. 2547      
       ป่าชายเลนหงาวมีพื้นที่นับแสนไร่ กระจายตัวบริเวณปากแม่น้ำกระบุรี ที่นี่มีเส้นทางท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติให้
เลือกเที่ยวกัน 2 เส้นทาง


สัตว์ในป่าชายเลนที่นักท่องเที่ยวพบเจอได้ไม่ยาก
       เส้นทางแรกเป็นเส้นทางนั่งเรือชมป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมภาพวิถีชีวิตชาวบ้านริมชายฝั่ง รวมถึงไฮไลต์
อย่างโกงกางต้นยักษ์ที่มีอายุราว 200 ปี มีความสูงกว่า 25 เมตร มีเส้นรอบวงถึง 2 เมตร      
       อีกเส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 850 เมตร ไปตามสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวไปใน
ผืนป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มากไปด้วยพืชพันธุ์ไม้และสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโกงกางต้นโตๆ ลำแพน โปรง ตะบูน
ตาตุ่มทะเล ปลาตีน ปูก้ามดาบ ปูแสม นกนานาชนิด ลิง นาก รวมถึงสัตว์หายากอย่าง “แม่หอบ”


แม่หอบ (ภาพ : ศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง)
       แม่หอบ (Mud Lobster หรือ Mangrove Lobster) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังรูปร่างคล้ายปูผสมกุ้ง
บ้างก็ว่าคล้ายปูผสมกั้ง ลำตัวสีแดงเป็นปล้องๆคล้ายกั้ง ดูไกลๆคล้ายแมงป่อง อาศัยอยู่ตามผืนป่าชายเลน
ด้วยการขุดรูและโกยดินขนดินขึ้นมาสร้างถมกันเป็นเนินสูง มีช่องทางเดินภายใน(คล้ายจอมปลวก) เรียกว่า “จอมหอบ”      
       ในประเทศไทยพบแม่หอบเฉพาะทางฝั่งอันดามัน สำหรับเหตุที่คนไทยเรียกเจ้าสัตว์ชนิดนี้ว่าแม่หอบ สันนิษฐานว่า
เนื่องจากสมัยก่อนมีคนนำเนื้อของมันมาทำเป็นยารักษาหอบหืด บ้างก็ว่ามาจากลักษณะการหอบดินขึ้นมาทำจอมหอบ
ของมัน ปัจจุบันเป็นสัตว์หายากที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์


ธารน้ำชวนแหวกว่ายในบริเวณบ่อน้ำแร่พรรั้ง

5.น้ำแร่
        
       ระนองเป็นเมืองแห่งน้ำแร่ชื่อดังของไทย มีศักยภาพสูงทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทำสปาธรรมชาติ บำบัดเพื่อสุขภาพ      
น้ำแร่ระนองปราศจากกลิ่นกำมะถัน ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดีติดอันดับต้นๆของโลก ที่ระนองมีแหล่งน้ำแร่ตามธรรมชาติ
(ที่ค้นพบ) ทั้งหมด 7 แห่ง ใครที่ชอบบ่อน้ำแร่ในบรรยากาศธรรมชาติ ขอแนะนำที่ “บ่อน้ำแร่พรรั้ง” บ่อน้ำแร่ที่กำลังมาแรง
ซึ่งได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อน บำบัด ในบรรยากาศป่าเขา สายน้ำ ป่าไม้อันร่มรื่น ในบรรยากาศ
“ออนเซ็น” แบบไทยๆ ที่ไม่ต้องแก้ผ้าตัวล่อนจ้อนลงไปแช่น้ำเหมือนที่ญี่ปุ่นหรือที่เกาหลี


พรรั้ง บ่อน้ำแร่ร้อน ออนเซ็นแบบไทย
       บ่อน้ำแร่พรรั้ง ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.บางริ้น อ.เมือง มีอุณภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส แบ่งส่วนธารน้ำแร่
ตามธรรมชาติ กับบ่อน้ำแร่ที่สร้างปรับแต่งขึ้นมา มีทั้งบ่อแช่ตัว แช่เท้า มีสะพาน มีเขื่อนหรือฝายน้ำล้น มีบ้านพักไว้
บริการ และมีจุดเดินให้ศึกษาธรรมชาติ ซึ่งที่นี่เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพันธุ์ไม้แปลกหายาก
หลากหลาย โดยเฉพาะกับหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่เป็นตัวชูโรงของที่นี่ นอกจากนี้ที่บ่อน้ำแร่พรรั้งยังมี “สปาปลาบำบัด”
ตามธรรมชาติ ในลำธารน้ำอุ่นบริเวณด้านหน้าให้นักท่องเที่ยวได้เดินนวดเท้ากับก้อนหินใต้น้ำและแช่เท้าให้เหล่าปลา
(พลวง)ตัวน้อยมาตอดเท้าเพื่อสุขภาพกันแบบจั๊กกะจี้ จึ๊กกะดึ๋ย


มุมแช่น้ำแร่บริเวณบ่อรักษะวาริน
       จากบ่อน้ำแร่พรรั้ง มาถึงบ่อน้ำแร่ยอดฮิตประจำเมืองระนอง คือ “บ่อรักษะวาริน” ในสวนสาธารณะรักษะวาริน
ที่อยู่ใจกลางเมือง บ่อแห่งนี้ถือเป็นบ่อเก่าแก่สุดคลาสสิกที่รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานชื่อถนนสู่บ่อน้ำร้อนว่า
“ถนนชลระอุ” ให้เมื่อครั้งที่เสด็จประพาสเมืองระนองในปี พ.ศ. 2433 บ่อรักษะวาริน ประกอบด้วย บ่อพ่อ บ่อแม่
และบ่อลูกสาว แต่ละบ่อแสดงความร้อนในอุณหภูมิสูงถึง 65 องศา
เซลเซียสออกมาด้วยไอควันที่โชยกรุ่น แต่ว่าก็เป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ที่ช่วยบำบัดและรักษาสุขภาพร่างกายได้เป็นอย่างดี      
       ทั้งบ่อน้ำแร่พรรั้งและรักษะวาริน เหมาะแก่การนั่งแช่น้ำพักผ่อนกายาให้สุขสมอารมณ์หมาย แต่มีข้อแม้ว่าอย่าแช่นาน
ให้แช่ตามที่มีป้ายกำหนดไว้ เพราะน้ำแร่แช่นานเกินไปก็ไม่ดี นอกจากนี้ทั้ง 2 บ่อ ยังมีของกินน่าสนใจคือ “ไข่ต้มน้ำแร่”
ที่ต้องใช้เวลาต้มนาน 10 กว่าชั่วโมง(ที่บ่อรักษะวารินมีการต้มไข่ไว้แล้ว ก่อนให้นักท่องเที่ยวนำมาแช่น้ำแร่ร้อนนิดหน่อย
พอเป็นพิธี ก่อนนำไปรับประทาน) นับเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์เสริมของบ่อน้ำแร่ทั้งสองที่น่าลองลิ้มไม่น้อย


บ่อรักษะวาริน

       ลอง(ไป)นะ ระนอง
      
       หากมีโอกาสได้แวะเวียนไประนอง จะลองไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติ 5 น้ำของเมืองนี้ก็นับเป็นสิ่งที่น่า
สนใจไม่น้อย โดยเฉพาะกับน้ำแร่ที่ถือเป็นไฮไลต์อันโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่นนั้นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง      
       สำหรับผมนอกจากเสน่ห์แห่ง 5 น้ำแล้ว ยังมีอีกน้ำหนึ่งที่สร้างความประทับใจในการเที่ยวระนองให้อยู่เสมอ นั่นก็คือ
      
       “น้ำใจ”

       ***********************************************************
      
       การเดินทางสู่ จ.ระนอง ล่าสุดมีสายการบินนกแอร์บินตรง กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)-ระนอง ทุกวัน นับเป็นอีกหนึ่ง
ทางเลือกของความสะดวกสบาย ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1318 หรือดูที่ www.nokair.com

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000062123


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=15575
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30/พ.ค./13 14:28น. โดย วิทยา »

ออฟไลน์ สิทธิชาติ เพชรบุรี

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 305
    59
    • อีเมล์

ต้องหาโอกาสไปเยือนสักครั้ง

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=15575