ผู้เขียน หัวข้อ: ประหลาด!!! “ต้นไม้ 2 เพศ-หินเต่ายิ้ม” : “พุหางนาค” มากของดี ที่สุพรรณฯ  (อ่าน 2469 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วิทยา

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 576
    1107



ประหลาด!!! “ต้นไม้ 2 เพศ-หินเต่ายิ้ม” : “พุหางนาค” มากของดี ที่สุพรรณฯ
โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)


จุดชมวิวพุหางนาคบริเวณต้นจันทน์ผายักษ์อายุหลายร้อยปี

       สุพรรณบุรีเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีของดีซุกซ่อนอยู่หลากหลาย สำหรับ“พุหางนาค” ถือเป็นอีกหนึ่งของดีซ่อนกาย
แห่งสุพรรณ เพิ่งเปิดตัวเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ แต่ว่ามาแรงไม่เบา พุหางนาคหรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า
“อุทยานสวนหินพุทธสถานทวารวดีอู่ทอง(พุหางนาค)” เป็นส่วนหนึ่งของ “วนอุทยานพุม่วง” ในพื้นที่อ.อู่ทอง ซึ่งวันนี้
ทางองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(อพท.) สมาพันธ์สมาคมเครือข่ายท่องเที่ยวแห่ง
ประเทศไทย(สคท.) กับเจ้าของพื้นที่อย่างวนอุทยานพุม่วง และเทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง ได้ร่วมมือกันพัฒนา ผลักดัน
ให้พุหางนาคเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำอีกแห่งหนึ่งของเมืองสุพรรณ


อาคารเรียงหินพบหลายแห่งในเมืองโบราณอู่ทองรวมถึงที่พุหางนาค

       พุหางนาค มีความโดดเด่นทั้งเรื่องของประวัติศาสตร์และธรรมชาติ (รวมไปถึงความเชื่อ“เฉพาะบุคคล”ในเรื่องของ
สิ่งศักดิสิทธิ์และความลี้ลับบางอย่างที่ยังพิสูจน์ไม่ได้) ในทางประวัติศาสตร์ มีการค้นพบ “อาคารเรียงหิน”ซ้อนชั้นกันเป็น
จำนวนมาก ซึ่งพบทั้งที่พุหางนาค และที่อื่นๆอีกกว่า 20 จุดในเขตเมืองโบราณอู่ทอง กระจายตัวอยู่ทั่วไปตามแนวเทือกเขา
อาคารเรียงหินเหล่านี้ มีข้อสันนิษฐานจากนักวิชาการแตกต่างกันไป บ้างว่าเป็นยุคเดียวกับวัฒนธรรม “หินตั้ง” เมื่อกว่า
2,000 ปีก่อน ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ในยุคบูชาผีหรืออำนาจเหนือธรรมชาติ บ้างเชื่อว่าเป็นดัง
เจดีย์หินใช้บูชาพญาแถนหรือเทพเจ้า ส่วนบ้างก็สันนิษฐานว่านี่เป็นอาคารแบบเดียวกับ “หอคอยหิน” ในต่างประเทศ
ที่สร้างขึ้นเพื่อให้สัญญาณไฟหรือสร้างเป็นที่ระวังภัย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่นักวิชาการ นักโบราณคดีคงต้องไปศึกษา ค้นคว้า
หาข้อมูลกันต่อไป


เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกับธรรมชาติแปลกตา

       ส่วนในทางธรรมชาติ พุหางนาคนอกจากจะมีระบบนิเวศที่หลากหลายแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งธรรมชาติแปลกตาน่าทึ่ง
มากไปด้วยเสน่ห์ชวนค้นหา ซึ่งปฐมบทการเที่ยวพุหางนาคของผมเริ่มขึ้นที่ “สำนักสงฆ์พุหางนาค” ที่วันนี้มีอีกบทบาทหนึ่ง
ในฐานะศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(ชั่วคราว) สำหรับการจะเข้าไปเที่ยวตามจุดต่างๆของพุหางนาค ควรมีเจ้าหน้าที่หรือ
มัคคุเทศก์น้อยนำทาง เพื่อป้องกันการหลงทางของนักท่องเที่ยวรวมถึงคอยให้ข้อมูลความรู้ต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มี
ป้ายบอกทางและป้ายสื่อความหมาย โดยผู้ที่จะทำหน้าที่พาผมและคณะออกตะลุยในครั้งนี้คือ พี่“สมเกียรติ สำเร็จทรัพย์”
เจ้าของฉายา “หางนาค 6” หนึ่งในทีมจิตอาสาพาเที่ยวพุหางนาคงานนี้พี่สมเกียรติไม่ได้มาคนเดียวโดดๆ หากแต่พา
เด็กสร้าง อย่าง “น้ำหวาน”(ด.ญ.ปวันรัตน์ ศรีสว่าง) และ “แชมป์”(ด.ช.พิชิตชัย สมนึก) สองมัคคุเทศก์น้อยมาร่วมเป็น
กองหนุนด้วย


หลวงปู่ใหญ่สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญแห่งพุหางนาค

       ก่อนที่จะออกเดินตะลุย พี่สมเกียรติพาผมไปสักการะ“หลวงปู่ใหญ่” เพื่อความเป็นสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัยหลวงปู่ใหญ่
เป็นพระปางไสยาสน์(พระนอน) สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่พุหางนาค ที่ประดิษฐานอยู่ใน “ถ้ำหลวงปู่ใหญ่” ถ้ำที่มีหลักฐานการค้นพบมา
ตั้งแต่สมัยทวารวดี ก่อนมาเปิดเป็นศาสนสถานในปี พ.ศ. 2513 ถ้ำหลวงปู่ใหญ่เป็นถ้ำมีโพรงเปิดให้แสงแดดสาดส่องลงมา
ยังบริเวณช่วงบนของหลวงปู่ใหญ่ ซึ่งช่วงกลางองค์พระมีหินเป็นรูปหนุมาน ส่วนช่วงเหนือเศียรมีหินเป็นรูปหัวช้างให้จินตนาการ
แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันน้ำฝนเหนือถ้ำเปลี่ยนทางไหลลงมากระทบพระพักตร์ของหลวงปู่ ทำให้ต้องทำเพิงสังกะสีกันไว้
ดูประดักประเดิด ซึ่งหากทางพุหางนาคได้งบพัฒนามา ควรปรับปรุงภูมิทัศน์ในจุดนี้ให้กลมกลืนดูดีกว่านี้ก็จะดีมาก


หินรูป(หัว)พญาวานร

       จากหลวงปู่ใหญ่พี่สมเกียรติพาผมเดินผ่านดงจันทน์ผาต้นโตไปแวะหยุดยังบ่อพักน้ำตามธรรมชาติที่ใช้สำหรับรดน้ำต้นไม้ที่นี่
พร้อมอธิบายถึงที่มาของชื่อพุหางนาคให้ฟังว่า “พุ” คือ น้ำผุดตามธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาทางด้านล่างของภูเขา ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนของ
หางนาคพูดถึงนาคแล้ว ชาวบ้านที่นี่(ส่วนหนึ่ง)มีความเชื่อว่าที่พุหางนาคเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีพญานาค 3 ตน คอยปกปักรักษา
แบ่งพื้นที่กันดูแลในช่วงบน กลาง ล่างพี่สมเกียรติพาพวกเราเดินหน้าต่อไป ระหว่างนี้น้องน้ำหวานชี้ให้ดูหินก้อนหนึ่งที่ดูด้านล่าง
ไม่เห็นว่ามันจะเด่นตรงไหน แต่เมื่อเดินขึ้นไปด้านบนแล้วมองย้อนลงมาจะเห็นเป็นรูปหัวลิง(ต้องจินตนาการตาม) ที่ชาวบ้านเรียก
ขานว่า “หินพญาวานร”


น้องน้ำหวานเดินผ่านซอกหินประตูสู่เมืองลับแล

       จากนั้นเมื่อเดินถัดสูงขึ้นไปจะเป็นซอกหินแคบๆให้มุดลอด พี่สมเกียรติบอกว่านี่เป็นประตูเมืองลับแลที่ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ตามความเชื่อของคนสมัยก่อนที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน พร้อมๆกับเรื่องเล่าว่าในวันขึ้น 15 ค่ำ เคยมีคนได้ยินเสียงปี่พาทย์และการจัดงาน
มหรสพดังมาจากที่แห่งนี้


หินเต่ายิ้ม

       ภายในเมืองลับแลถือเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของพุหางนาค ในนี้มีสวนหินที่มากไปด้วยหินรูปร่างประหลาดชวนให้จินตนาการเพียบ
ไม่ว่าจะเป็น หินรูปปลาซัคเกอร์ที่แชมป์ชี้ให้ดูเห็นมันกำลังเกาะห้อยอยู่ริมกำแพงหินใหญ่ หินรูปหัวใจที่หากใครกำลังอกหักอาจมองเห็นเป็น
อย่างอื่นได้ หินรูปเต่ายิ้มกำลังเดินลงเขาอันแสนน่ารักเห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ หินรูปเต่ากำลังเดินขึ้นเขา หินรูปช้าง รูปหัวช้าง หินรูปเศียร
พญานาค หินรูปวาฬสวมหมวกแก๊ป หินรูปปลาไหล หินรูปเป็ด(ย่าง)หรือรูปนกสุดแท้แต่จะมอง เป็นต้น


หินรูปเป็ดหรือนก

       นอกจากนี้ก็ยังมีก้อนหินประหลาดลักษณะดูคล้ายเปลือกไม้กลายเป็นหินปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก หินหลายก้อนวางซ้อนชั้นเรียงกันอยู่
บางก้อนวางเหมือนจะตกแต่มันคงแข็งแรง โยกผลักกันไม่มีสั่นไหว


รอยลาย(สีขาว)ที่ดูคล้ายพญานาค

       พี่สมเกียรติบอกว่าหินพวกนี้เป็นหินตะกอน เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนใต้ทะเล มีอายุประมาณ 400-500 ล้านปีในยุคออร์โดวิเชียน
ก่อนที่โลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดกลุ่มหินพวกนี้ขึ้นที่พุหางนาค ในบรรดาก้อนหินตะกอนมากหลาย มีอยู่ 2 ก้อน ก้อนแรกมีเส้นสาย
ลวดลายรอยสีเหลืองที่พี่พี่สมเกียรติบอกเป็นรูปงูสู้กับนกอินทรี ส่วนก้อนที่ 2 เป็นก้อนไฮไลท์ มีริ้วรอยเป็นทางขาวมองคล้ายลำตัวช่วงบนของ
พญานาคที่ช่วยตอกย้ำความเป็นพุหางนาคให้ดูหนักแน่นยิ่งขึ้น เพราะด้านบนเขาเป็นส่วนหัวนาค ด้านล่างที่มีพุเป็นส่วนหางนาค


หินตะกอนหลายก้อนมีลวดลายคล้ายเปลือกไม้

       ขณะที่ต้นไม้ในระดับไฮไลท์นั้น เห็นจะหนีไม่พ้นต้นจันทน์ผาที่นอกจากจะมีต้นโตขึ้นทั่วไปแล้ว ยังมีจันทน์ผา
ต้นเด่น 2 ต้นขึ้นอยู่ในจุดที่แตกต่างกัน


จันทน์ผาสัญญารัก

       ต้นแรกเป็นจันทน์ผาต้นใหญ่โดดๆขึ้นบนก้อนหินตะกอน ได้ชื่อว่าเป็น“จันทน์ผาสัญญารัก” สัญลักษณ์ของพุหางนาค
อีกต้นหนึ่งเป็นจันทน์ผา ต้นยักษ์อายุหลายร้อยปีที่ขึ้นบริเวณจุดชมวิว มองลงไปเห็นอำเภออู่ทองและเห็นถึงความเป็นแหล่ง
ดอกไม้นานาชนิดของขุนเขาลูกนี้ จนที่นี่ได้ชื่อว่า “ภูเขาบุษยคีรี” ที่หมายถึงภูเขาที่มีดอกไม้หลากหลาย


มะกลักต้นนี้ได้ชื่อว่า ต้นไม้ 2 เพศ กับภาพที่ไม่ต้องมีคำอธิบาย

       นอกจากต้นไม้เด่นๆทั้งหลายตามที่กล่าวมาแล้ว ในช่วงขาเดินลง พี่สมเกียรติพาไปดูต้นมะกลักประหลาด
ซึ่งแกเรียกว่าเป็นต้นไม้ 2 เพศ ที่เมื่อเห็นแล้วไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ แต่ละคนก็ถึงบางอ้อในความเป็น 2 เพศ
ของมันนับเป็นอีกหนึ่งธรรมชาติประหลาดส่งท้ายการเที่ยวพุหางนาคของผมในครั้งนี้ ที่ยังไงก็ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งหลายช่วยกันดูแลรักษาป่าพุหางนาคไว้ให้ดี อย่าให้เกิดกรณีดังแล้วเสียศูนย์เหมือนกับแหล่งท่องเที่ยว
หลายๆแห่งในบ้านเรา

       **************************************************************************

สวนหินเมืองลับแล ที่มากไปด้วยหินตะกอน

       พุหางนาค หรือ อุทยานพุทธสถานทวารวดีอู่ทอง(พุหางนาค)ตั้งอยู่ในวนอุทยานพุม่วง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณฯ
ไปประมาณ 30 กม. จะถึงหอนาฬิกาอู่ทอง ตรงเข้าไปวงเวียนแล้วออกตรงทางที่สอง ไปทางวัดเขาพระฯ เลี้ยวซ้ายก่อนถึงวัดเขาพระฯ
แล้วมุ่งสู่สำนักสงค์พุหางนาคก็จะถึงนอกจากสิ่งน่าสนใจในเนื้อเรื่องแล้ว พุหางนาคยังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลากหลาย อาทิ ถ้ำบาดาล สะพานหิน
ปรง 4 ยอด ลานหินตัด เป็นต้น นอกจากนี้พุหางนาคกับพิพิธภัณฑ์อู่ทอง ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงในเส้นทาง "ไหว้พระออมบุญ 5
ขุนเขา 1 ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร" ของ อ.อู่ทอง
       
       สำหรับผู้สนใจท่องเที่ยวพุหางนาค สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วนอุทยานพุม่วง 089-948-3018 หรือที่ เทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง โทร.0-3555-2997


>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000058917


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=15339

ออฟไลน์ จงรักษ์

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 329
    65
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์

น่าเที่ยวจังครับ...ยังไม่เคยไป อยากไปเหมือนกันครับ...

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=15339

ออฟไลน์ สุวิทย์ สุข

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 110
    69
  • เพศ: ชาย

มีเวลาได้ไปเที่ยวสักที

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=15339
-::-คำขวัญการท่องเที่ยว-::-
นครศรีธรรมราช เมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ
ชื่นฉ่ำธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์
มากวัดมากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปู

ออฟไลน์ บีดนครชุม

  • มืออาชีพ
  • **
  • ออฟไลน์
  • 163
    14

เป็นเมืองลับแลจิง น่าไปเที่ยว ต้นไม้สวย น่าสนใจมากครับ ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลที่นำมาฝาก

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=15339