จมูกเครื่องบินจีนเกิดรอยบุบปริศนา ชี้อาจชนกับ UFO กลางเวหา!!
เดอะซัน - สื่อต่างประเทศเผยแพร่ภาพพิศวง รอยบุบขนาดใหญ่บริเวณจมูกของเครื่องบิน
โดยสารจีนที่ลงจอดฉุกเฉินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังชนเข้ากับวัตถุลึกลับกลางอากาศ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ
ด้านยานบินนอกโลกสันนิษฐานว่ามันอาจเป็น “ยูเอฟโอ”
เครื่องบินโบอิ้ง 757 ของสายการบินแอร์ไชน่า ออกบินจากเมืองเฉิงตูและปลายทางที่เมือง
กว่างโจว แต่หลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ราวๆ 20 นาทีก็ชนเข้ากับวัตถุชนิดหนึ่ง ณ ระดับความสูง
ราว 26,000 ฟุต จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

นักบินได้แจ้งไปยังหอบังคับการในทันที และทางศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศก็อนุญาตให้นำ
เครื่องไปลงจอดฉุกเฉิน ณ ลานบินละแวกใกล้เคียง ทั้งนี้ไม่พบว่ามีผู้โดยสารรายใดได้รับบาดเจ็บจาก
เหตุการณ์ดังกล่าว ทว่าพอมีการตรวจสอบตัวเครื่องก็พบว่ามีรอยบุบปริศนาขนาดใหญ่บริเวณจมูกเครื่อง
สื่อมวลชนหลายแห่งพยายามติดต่อไปยังสายการบินแอร์ไชน่าเพื่อสอบถามถึงสาเหตุของความเสียหาย
ดังกล่าวแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ จนนำมาซึ่งการคาดเดาต่างๆ นานา โดยในนั้นรวมถึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้าน
ยานบินนอกโลกสันนิษฐานว่าเครื่องบินลำนี้อาจชนเข้ากับยูเอฟโอ

โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าด้วยเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ในระดับสูงเช่นนั้น จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ต้นตอจะมา
จากฝูงนก ขณะที่ข้อสันนิษฐานที่บอกว่าอาจถูกเครื่องบินสอดแนมโจมตี ก็ถูกปฏิเสธโดยนายนิค โป๊บ อดีต
เจ้าหน้าที่สืบสวนด้านยูเอฟโอ ของรัฐบาลอังกฤษ “ไม่ว่าเครื่องบินจะชนเข้ากับอะไร มันก็ควรทิ้งหลักฐานเอาไว้”
เขากล่าวต่อว่า “เพื่อคลี่คลายปริศนานี้ ผลวิเคราะห์ความเสียหายของจมูกเครื่องบินน่าที่จะเผยร่องรอย
ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าหรือไม่ก็เศษชิ้นส่วนที่ใหญ่กว่านั้น แต่คำถามก็คือเจ้าหน้าที่จีน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง
ปกปิดความลับ จะเปิดเผยความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่”

“กรณีแบบนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องยูเอฟโอหรือไม่ก็ตาม เวลานี้เกิดประเด็นด้านความ
ปลอดภัยทางอากาศอันน่าเคร่งเครียดขึ้นแล้ว ขณะที่กระทรวงกลาโหมและสำนักงานการบินพลเรือนของ
อังกฤษก็เคยได้รับรายงานแจ้งเหตุเครื่องบินพาณิชย์บินเฉียดยูเอฟโอหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้ก็เป็นเรื่อง
ของเวลาเท่านั้นว่าหายนะจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่” นิค โป๊บกล่าว

CLIPS
[youtube=650,450]https://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=5woZK6QFa_w[/youtube]
>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000070061
เดอะซัน - สื่อต่างประเทศเผยแพร่ภาพพิศวง รอยบุบขนาดใหญ่บริเวณจมูกของเครื่องบิน
โดยสารจีนที่ลงจอดฉุกเฉินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังชนเข้ากับวัตถุลึกลับกลางอากาศ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ
ด้านยานบินนอกโลกสันนิษฐานว่ามันอาจเป็น “ยูเอฟโอ”
เครื่องบินโบอิ้ง 757 ของสายการบินแอร์ไชน่า ออกบินจากเมืองเฉิงตูและปลายทางที่เมือง
กว่างโจว แต่หลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ราวๆ 20 นาทีก็ชนเข้ากับวัตถุชนิดหนึ่ง ณ ระดับความสูง
ราว 26,000 ฟุต จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
นักบินได้แจ้งไปยังหอบังคับการในทันที และทางศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศก็อนุญาตให้นำ
เครื่องไปลงจอดฉุกเฉิน ณ ลานบินละแวกใกล้เคียง ทั้งนี้ไม่พบว่ามีผู้โดยสารรายใดได้รับบาดเจ็บจาก
เหตุการณ์ดังกล่าว ทว่าพอมีการตรวจสอบตัวเครื่องก็พบว่ามีรอยบุบปริศนาขนาดใหญ่บริเวณจมูกเครื่อง
สื่อมวลชนหลายแห่งพยายามติดต่อไปยังสายการบินแอร์ไชน่าเพื่อสอบถามถึงสาเหตุของความเสียหาย
ดังกล่าวแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ จนนำมาซึ่งการคาดเดาต่างๆ นานา โดยในนั้นรวมถึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้าน
ยานบินนอกโลกสันนิษฐานว่าเครื่องบินลำนี้อาจชนเข้ากับยูเอฟโอ
โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าด้วยเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ในระดับสูงเช่นนั้น จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ต้นตอจะมา
จากฝูงนก ขณะที่ข้อสันนิษฐานที่บอกว่าอาจถูกเครื่องบินสอดแนมโจมตี ก็ถูกปฏิเสธโดยนายนิค โป๊บ อดีต
เจ้าหน้าที่สืบสวนด้านยูเอฟโอ ของรัฐบาลอังกฤษ “ไม่ว่าเครื่องบินจะชนเข้ากับอะไร มันก็ควรทิ้งหลักฐานเอาไว้”
เขากล่าวต่อว่า “เพื่อคลี่คลายปริศนานี้ ผลวิเคราะห์ความเสียหายของจมูกเครื่องบินน่าที่จะเผยร่องรอย
ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าหรือไม่ก็เศษชิ้นส่วนที่ใหญ่กว่านั้น แต่คำถามก็คือเจ้าหน้าที่จีน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง
ปกปิดความลับ จะเปิดเผยความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่”
“กรณีแบบนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องยูเอฟโอหรือไม่ก็ตาม เวลานี้เกิดประเด็นด้านความ
ปลอดภัยทางอากาศอันน่าเคร่งเครียดขึ้นแล้ว ขณะที่กระทรวงกลาโหมและสำนักงานการบินพลเรือนของ
อังกฤษก็เคยได้รับรายงานแจ้งเหตุเครื่องบินพาณิชย์บินเฉียดยูเอฟโอหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้ก็เป็นเรื่อง
ของเวลาเท่านั้นว่าหายนะจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่” นิค โป๊บกล่าว
CLIPS
[youtube=650,450]https://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=5woZK6QFa_w[/youtube]
>>>>>>>>>>>>>>>>>
นำมาจาก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000070061