สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า
มนต์ไพร
(1/1)
ชบาบาน:
ในนาครเป็นแดนงามแห่งความฝัน
แต่ทุกวันผิดแผกแปลกฉงาย
คล้ายปลักตมกิเลสคนวนวุ่นวาย
สร้างอุบายชาติชั่วด้วยมัวเมา
อยากหลับใหลในโลกงามเปี่ยมความรัก
แต่ประจักษ์ว่าตนแค่คนเขลา
ในสังคมแย่งยื้อถือเขาเรา
ตัณหาเผาแผดกระหน่ำทำท้อใจ
ออกท่องเที่ยวเดียวดายรายพงพฤกษ์
ผ่านหุบลึกแนวละหารธารน้ำใส
ข้ามสันเขาเพิงถ้ำเงื้อมง้ำไกล
เทือกไศลลดหลั่นกีดกั้นตา
แลลิบลิบสูงสล้างกลางกลุ่มเมฆ
ดังสร้างเสกโดยสวรรค์บรรโลมหล้า
ครั้งแสงสูรย์ส่งประกายฉายฉานมา
สุดปลายฟ้าเรื่อเรืองเหลืองดั่งทอง
ยามสายฝนสาดโปรยโชยความชื่น
ในป่ารื่นรมณีย์ไม่มีหมอง
ครั้นใกล้สนธยาเข้ามาครอง
ท่วงทำนองแห่งทิวาเลือนลาไป
อยากพำนักฝากใจไว้ในป่า
ฝากกายากับโขดเขินเนินไศล
อาบแสงดาววาววับระยับใย
แอบอิงไพรจนกว่าชีวาวาย.
รุ่นโบราณ:
.......จะรีบด่วนจรไปไพรไหนเล่า
อยู่เดียวดายในเขายิ่งเขลากว่า
เก็บกายใจไว้ในพงดงพนา
ซ่อนปัญญาวาจาคมไม่สมควร
ปลีกวิเวกใจว้าวุ่นเฝ้าครุ่นคิด
ก่อนทิ้งมิตรคิดใหม่ให้ทั่วถ้วน
ผิดถูกมีดีเลวหนอบาปก่อกวน
ผลลัพท์ล้วนจากเหตุทุกเภทภัย
ที่ดีดีมีไว้ให้ควรคิด
คือน้ำมิตรสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่
ตัดบัวโบราณเชื่อยังเหลือใย
หรือจะร้างน้ำใจนะใจคอ...
ชบาบาน:
ฮ่า...ฮ่า...พนมมือคารวะขอบคุณท่านรุ่นโบราณ ที่กรุณาแวะเวียนมาให้ความเห็นเช่นเคย ขอรับ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version