สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า
กวีวรรค
สหัสวรรษ:
ช่วงนี้อารมณ์สุนทรีย์มาแรง พอดีนั่งฟังนิยายจีนอยู่บ้าน มีอ้างถึงโศลกอมตะของหลี่ซังหยิ่น กวีเอกอีกท่านสมัยราชวงศ์ถัง(ประมาณพันกว่าปีที่แล้ว ราชวงศ์นี้ถือเป็นยุคทองของวงการกาพย์กลอนของจีน ท่านหลี่ไป๋ซึ่งถูกยกเป็นเซียนกลอนก็อยู่ในยุคเดียวกัน) โศลกบทนี้ถูกยกขึ้นมาเสมอในบทงิ้วหรือแม้แต่ละครยุคปัจจุบันของจีน ไหนๆก็ไหนๆ เลยจัดการแปลเป็นกาพย์ยานี11ของถนัด และพยายามรักษาความหมายและความรู้สึกของฉบับเดิมไว้ แปลกนะ โศลกบทนี้พูดเกี่ยวกับความรัก แต่ไม่มีคำว่ารักซักคำ
พบกันมันยากนัก ยามจากมักยากยิ่งหนัก
เอื่อยเอื่อยลมหยุดพัก บุบผชาติกลาดเกลื่อนโรยรา
ตัวไหมพ่นใยพัน จนมันตายวายชีวา
เทียนไขเป็นเถ้ากว่า น้ำตาไหลไหม้หมดสิ้น
ชบาบาน:
ความจริงกระผมเคยได้ยินอุปมาอุปมัย ของคำว่าไหมสำรอกใยจนตัวตาย และเทียนส่องแสงให้ความอบอุ่นแก่ผู้อื่นแต่บั่นทอนทำลายตัวเอง
นี่เคยได้ยลยินมาไม่น้อยครั้ง แต่หาทราบไม่ว่าต้นธารของคำเหล่านี้มาจากปรัชญ์เมธีชาวจีน ขอบคุณท่านสหัสวรรษจริงๆขอรับ ช่วง
นี้กระผมซึมซับบทกวีจีนโบราณไว้เยอะ ล้วนแต่ดีๆทั้งนั้น สาเหตุเพราะคบหากัลยาณมิตรเช่นท่านนี่แหละ
หนุ่มบางแค:
บทกลอนของท่านชบาบาน ผมอ่านดูแล้ว ไม่ธรรมดาเลย น่าจะเป็นระดับกวีได้เลยครับ
สหัสวรรษ:
ท่านชบาบานเอากทกลอนธรรมชาติมาฝากเยอะๆก็ดีครับ ผมไม่ค่อยถนัดพวกนี้ เรียกว่าถ้าเปรียบเป็นหนัง ผมก็ถนัดดูหนังประเภทAction อย่างหนังDrama แบบธรรมชาติๆถ้ามากระแทกตาก็จะสนใจดู แต่ไม่ถึงกับไปเสาะหา
ผมอยากจะนำโคลงประเภทฉือของซินจี๋ชี่ กวีสมัยราชวงศ์ซ้อง(สมัยเปาบุ้นจิ้น)มาให้อ่านกัน เป็นบทกวีอมตะที่นักเรียนจีนเขาเรียนกัน อันผู้แต่งบทกวีนี้ตามประวัติเป็นกวีประเภทปลุกใจรักชาติ และมีอิทธิพลต่อสังคมมากในสมัยนั้น ในบทกวีจะพูดถึงกระบี่ ตอนแรกจะแปลว่าดาบแล้ว แต่เคยดูการวิเคราะห์ความหมายของกระบี่แล้วเลยเปลี่ยนใจ อันกระบี่นี้ถือเป็นอาวุธและสัญลักษณ์การทหารและการปกครองที่สำคัญของจีนตั้งแต่สมัยโบราณ กระบี่ต่างกับดาบตรงที่กระบี่จะต้องตรง ปลายแหลม ความตรงของกระบี่เป็นสัญญลักณ์ของความถูกต้อง คุณธรรม และปลายแหลมและคมคือความเด็ดขาด ฉะนั้นในสมัยโบราณทุกคนที่มีฐานะจะต้องสะพายกระบี่เพื่อแสดงถึงคุณธรรมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบุ๋นหรือบู๊ อย่างพวกปราชญ์โบราณอย่างเช่นกวีหลี่ไป๋ยังสะพายกระบี่เลย ส่วนการนำทัพก็เช่นกัน การจะนำทัพไปสู้ศึกหรืออะไรก็แล้วแต่จะต้องมีการอ้างเพื่อคุณธรรม ไม่งั้นคนจะไม่ยอมรับ ในภาษาจีนเรียกว่าการยกทัพที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม สุภาษิตเรียกว่าชื่อไม่ถูกหลักธรรม คำสั่งใดก็ไม่ได้ผล มาดูบทกวีดีกว่า
รำพึงนายทัพ(เฒ่า)
เมาได้ที่หรี่ตะเกียงเพียงให้แสง
สว่างแรงพอลูบชมคมกระบี่
ตื่นตอนเช้าเสียงแตรเป่ากลองเร้าตี
ปลุกน้องพี่ที่งัวเงียอย่าเสียงาน
โคย่างพลางแบ่งพลไพร่ไปตบท้อง
เสียงฆ้องกลองปลุกเร้าใจไพร่ทหาร
เสียงเพลงพิณยินไปสู่ผู้รุกราน
เหล่าทหารเข้าตามหมวดให้ตรวจทัพ
อาชาไวดุจปรอทปลอดไปหน้า
ทหารกล้าบุกฝ่าไปไม่หันกลับ
ฝูงธนูแลดูเสียวเฟี้ยวฟับฟับ
ฟังคล้ายกับอสนีที่ฟาดฟ้า
เจ้าชีวิตที่คิดทำสำเร็จแล้ว
ด้วยความแน่วแน่ใจไม่กังขา
ทหารฝ่าความตายได้ไม่รอรา
สงสารแต่ข้าผมเผ้าขาวแล้วเอย
ชบาบาน:
ได้ความรู้เพิ่มขึ้นถึงข้อแตกต่างระหว่างกระบี่และดาบ รวมทั้งความหมายของศาสตราวุธในเชิงปรัชญา แนวคิดของคนจีน
โบราณนี่ช่างลึกซึ้งคมคายจริงๆ ขอบคุณท่านสหัสวรรษขอรับ และพนมมือคารวะขอบคุณท่านรองฯ(หนุ่มบางแค) ที่กรุณาเข้ามาให้
กำลังใจกัน เช่นกันขอรับ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version