สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

กวีวรรค

<< < (7/10) > >>

ชบาบาน:
     ยังมีนักกลอนสาวอีกหลายท่านที่จะกล่าวถึง  แต่ขอกลับมาหานักกลอนชายอีกท่านสอง
ท่าน  เพื่อนสมาชิกบ้านพักใจบางท่านร้องขอมาหลังไมค์  และประจวบกับท่าน"ลุงชัย"ผู้เป็นกัลยาณมิตร
ของห้องนี้ได้แจ้งว่าถนัดทางบทกลอนที่เกี่ยวกับธรรมชาติ  กระผมเคารพยกย่องนักกลอนที่เขียนกลอน
แนวธรรมชาติได้สละสลวยอยู่ท่านหนึ่ง   เป็นคนทางภาคใต้เช่นกัน

      ฉันเดินทางร้างถิ่นมาถึงนี่
   เพื่อจะเขียนบทกวีที่อ่อนหวาน
   เพื่อจะฟังดนตรีคีตกานท์
   เพลงสายธารเสรีมีน้ำริน

   มาชมภาพจิตรกรรมธรรมชาติ
   บรรจงวาดเขียนไว้ลวดลายศิลป์
   ทิ้งตำรามาเรียนเขียนแผ่นดิน
   มาดื่มกินจินตนาแห่งอารมณ์

   ผีเสื้อสาวชมสวนมวลดอกไม้
   แต้มสีให้โลกสวยช่วยผสม
   พิณคนธรรพ์บรรเลงเพลงลอยลม
   กล่อมพนมด้วยลำนำคำว่ารัก

   ฉันเดินทางร้างถิ่นมาถึงนี่
   เพื่อหลีกหนีฟันเฟืองคมเครื่องจักร์
   มาพบธารน้ำใสชื่นใจนัก
   ก้มลงวักน้ำวนอยู่คนเดียว

   ปีกเสรีมีฝันไร้พันธะ
   มีวิญญาณอิสระจะท่องเที่ยว
   เดินบุกป่าเสาะหารุ้งทุ่งกระเจียว
   กลางป่าเปลี่ยวแต่ปลอดภัยกว่าในเมือง

   มาพบมิตรสนิทหมายใจสมัคร
   มาพบรักปักแน่นแดนดอกเอื้อง
   มาหอมกลิ่นดินกรุ่นอุ่นประเทือง
   มาพบเรืองรุ้งพราวในราวไพร

   ฉันเดินทางร้างถิ่นมาถึงนี่
   เพื่อจะเขียนบทกวีที่อ่อนไหว
   เพื่อจะมานอนพักรักษาใจ
   หลับอยู่ในอ้อมแขนแดนมารดร.

   จากบทกวีชื่อ"พเนจร" ของ"เดือนแรม ประกายเรือง" ในหนังสือชื่อ"ลายปีกผีเสื้อ" พิมพ์
เมื่อ พ.ศ.2537 ท่านเดือนแรม  เขียนบทกลอนแนวธรรมชาติลื่นไหลหาตัวจับยาก  ใช้ภาษาอ่อนหวาน
เนื้อหานุ่มนวล  เป็นคนฝั่งอันดามันแถวๆพังงา  เขียนบทกวีรวมเล่มไว้หลายเล่ม แต่ละเล่มแพรวพราว
ด้วยฉันทลักษณ์แนวรักธรรมชาติ   เป็นคอลัมนิสต์ของนิตยสารหลายฉบับ 

   พิณวสันต์บรรเลงเพลงกล่อมโลก
   ละลายโศกลงสิ้นแผ่นดินหอม
   ดอกหญ้าแซมแย้มยิ้มพิมพะยอม
   ค่อยถนอมหน่อยนะก่อนจะโรย

   เสนาะล้ำน้ำไหลในพฤกษา
   รินหลั่งมาคลายร้อนอ่อนระโหย
   แหล่งพักใจไพรร่มมีลมโชย
   สายฝนโปรยประปรายพรายพร่างพราว

   แดดอ่อนแสงบนภูสูงรุ้งทอสาย
   เมฆระบายสายหมอกดอกไม้ขาว
   น้ำค้างเย็นยะเยือกเทือกภูยาว
   ดอกหญ้าหนาวอยู่ในไพรพนม

   เสน่หาป่าเขาเนาวพฤกษ์
   งามอยู่ในมโนนึกรู้สึกสม
   รักแผ่นดินหินผาธารารมย์
   รักสายลมแสงแดดสิ่งแวดล้อม

   คนหนึ่งเด็ดดอกหญ้ามาขยี้
   แต่หนึ่งมีมือน้อยคอยถนอม
   คนหนึ่งเด็ดดอกไม้ไปดมดอม
   แต่หนึ่งพร้อมป้องกันอันตราย

   ธรรมชาติปราถนาการถนอม
   สิ่งแวดล้อมกำลังพังสลาย
   เลิกใช้เล่ห์ลวงหลอกออกอุบาย
   หยุดทำลายเผ่าพันธ์กันเสียที.
   นี่ก็เป็นบทหนึ่งของงานเขียนแนวอนุรักษ์ธรรมชาติของ เดือนแรม ประกายเรือง
ชื่อ"หนึ่งมือน้อยคอยถนอม" ซึ่งความจริงแล้วมีอีกหลายๆบท   ลองหาอ่านกันดูเถิดขอรับ. 

สหัสวรรษ:
เมื่อคืนเปิดดูเว็บเจอข้อความที่แปลจากกลอนบทนำในนิยายอิงพงศาวดารเรื่องสามก๊ก  เลยเอามาดัดแปลงให้เป็นกลอนแปดให้ตรงกับความหมายในบทกวีภาษาจีน อันนี้อาจจะต้องให้เกร็ดเล็กน้อยสำหรับท่านที่ยังไม่รู้นะครับ ผู้แต่งพงศาวดารเรื่องสามก๊กนี้ชื่อว่าหลอกว้านจง เดิมแต่งพงศาวดารเรื่องนี้เพื่อให้แสดงเป็นบทงิ้วแสดงในโรง ซึ่งธรรมดาการเริ่มงิ้วจะมีบทกลอนนำกล่าวอารัมภบทเสมอ ถือเป็นการสรุปเนื้อหาใจความของเรื่อง อันหลอกว้านจงนี้เป็นขุนศึกผู้เปี่ยมวิทยายุทธ์ท่านหนึ่ง แต่เสียดายที่เกิดผิดเวลา เกิดหลังจากจูหยวนจาง ปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงนำทัพขับไล่มองโกลแห่งราชวงศ์หหงวนไปร่วม50ปี เรียกว่าวีรบุรุษขาดสนามยุทธ์ในการแสดงฝีมือ จะทำไงให้มีชื่อปรากฏในประวัติศาสตร์ นิยายเรื่องสามก๊กเลยบังเกิดขึ้น

แยงซีรี่ไหลไปบูรพา
คลื่นซัดมาพาผู้กล้าลาลับหาย
แพ้ชนะจะคงที่ซักกี่ราย
ตะวันฉายทิวไม้อยู่คู่วันวาร

คนตัดฟืน เฒ่าหาปลาที่ผมขาว
ฤดูหนาวร้อนฝนคนเคยผ่าน
สุราขุ่นป้านใหญ่เข้าเล่าตำนาน
เก่า ๆ ใหม่ ๆ เสพสราญ ว่ากันไป ....

http://www.tudou.com/v/mp5INfzARE8

ชบาบาน:
อันพงศาวดารชุดสามก๊กนี้  ใครคนหนึ่งอาจนั่งอยู่ในวงสุราขุ่นป้านใหญ่กระมัง  ให้นิยามไว้ว่า "ใครอ่านสามก็กได้3 จบคบไม่ได้"  สำหรับกระผมดูเหมือนจะ 5 จบแล้วกระมัง
แต่เพื่อนฝูงก็ยังคบหาเฮฮาเสมอต้นเสมอปลาย  ถ้าจะว่าไปแล้วแค่หยิบมาแก้ง่วงสักหน้าสองมันก็จะติดพันเลยเถิดไปจนจบน่ะแหละ  วางไม่ลงจริงๆ(ฝีมิอแปลท่านเจ้าพระยา
พระคลังหน )  ในระยะหลังนี่ริมาดูที่เขาทำเป็นวิดิโอ ยังดูไม่จบเลย  สารภาพกันตรงๆขอรับ อ่านหนังสือสนุกกว่าเป็นไหนๆ พับเผื่อย...!!!

สหัสวรรษ:
ตอนเช้าเข้าไปโหลดชุดสุดยอดเพลงจีนอมตะ โจวฮุ่ยหยง - ชุดที่ 1 ที่คุณแม็ท เมืองชล กรุณานำมาฝาก เจอเพลงที่16 ชื่อเพลงแปลเป็นไทยว่ารักกันฉันคือเธอ ซึ่งเป็นสำนวนจีนที่ชอบใช้กันในหนุ่มสาวที่รักใคร่กัน ฟังแล้วเพลงนี้ดัดแปลงมาจากโศลกประเภทฉือในราชวงศ์หงวน(ราวยุคสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช)ของจีนจริงด้วย เลยไปค้นหาจากบทกวีที่เก็บไว้ซึ่งเก็บตกมาจากการดูซีรี่ย์จีนเรื่องหนึ่ง เลยเอามาแปลเป็นกาพย์ยานี11 พร้อมประกอบบทเพลงให้ฟังพร้อมไปด้วย

เพื่อทราบที่มาที่ไปของโศลกบทนี้ จะเล่าให้ทราบเพียงคร่าวๆจากที่ค้นในเน็ต ผู้แต่งโศลกบทนี้เป็นผู้หญิงชื่อกว่านเต้าเซิง เป็นภรรยาของจินตกวี(นักวาด)ชื่อดังในสมัยนั้นชื่อจ้าวเมิ่งฝู่ จ้าวเมิ่งฝู่เกลอเห็นว่าอันปราชญ์ผู้มีความสามารถควรจะมี3ภรรยา4นางบำเรอเป็นอย่างต่ำ ไม่งั้นจะน้อยหน้าเพื่อนฝูงตกรุ่นไป เลยวางโครงการมีภรรยาน้อย ฝ่ายกว่านเต้าเซิงผู้ภรรยาก็เดือดร้อนซิครับ เลยเขียนโศลกบทนี้ไปยื่นอัลติเมตั้มให้ฝ่ายสามี สามีรับเข้าพลางอ่านพลางเหงื่อแตกไปพลาง ด้วยความละอายใจเลยยุติโครงการสวยหรูไว้เพียงแค่นี้

รักกันฉันคือเธอ
รักมั่นพอๆกัน ฉันรักเธอเหลือไรนั่น
ดุจไฟบรรลัยกัลป์ เผาผลาญไหม้ไปทุกที่
เอาดินมาหนึ่งกอง ปั้นเป็นน้องและเป็นพี่
ครั้นปั้นกันได้ที่ ปรี่เข้าทุบบุบสลาย
เอาน้ำมาละเลง เจ๋งจังนี่น้องพี่คลาย
เร่งปั้นอีกทีหมาย ให้น้องพี่นี่ระคน
ดินน้องมีพี่ปน พี่อีกคนก็ปนน้อง
อย่างนี้เรามิแยก แตกกันไปไร้คู่ครอง
แม้ตายเราสองต้อง ใส่โลงทองครองร่วมกัน

http://www.tudou.com/v/PexQV3v3mPY

ชบาบาน:
ได้สดับทั้งกาพย์จากสีมือชั้นครู   ได้ซาบซึ้งกับเสียงเพลงเพราะทั้งเนื้อร้องและทำนอง  แถมพระนางที่แสดงหน้าตาดีเหลือเกิน
ขอบคุณท่านสหัสวรรษ สักห้าสิบกระบุงโกย  ขอรับกระผม

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version