ผู้เขียน หัวข้อ: กวีวรรค  (อ่าน 6108 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ชบาบาน

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 579
    486
  • เพศ: ชาย
  • แม้สองเท้าติดตมจมโคลนอยู่ แต่ตายังเงยดูดวงดาวได้
    • อีเมล์
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: 28/พ.ค./13 20:33น. »

     ยังมีนักกลอนสาวอีกหลายท่านที่จะกล่าวถึง  แต่ขอกลับมาหานักกลอนชายอีกท่านสอง
ท่าน  เพื่อนสมาชิกบ้านพักใจบางท่านร้องขอมาหลังไมค์  และประจวบกับท่าน"ลุงชัย"ผู้เป็นกัลยาณมิตร
ของห้องนี้ได้แจ้งว่าถนัดทางบทกลอนที่เกี่ยวกับธรรมชาติ  กระผมเคารพยกย่องนักกลอนที่เขียนกลอน
แนวธรรมชาติได้สละสลวยอยู่ท่านหนึ่ง   เป็นคนทางภาคใต้เช่นกัน

      ฉันเดินทางร้างถิ่นมาถึงนี่
   เพื่อจะเขียนบทกวีที่อ่อนหวาน
   เพื่อจะฟังดนตรีคีตกานท์
   เพลงสายธารเสรีมีน้ำริน

   มาชมภาพจิตรกรรมธรรมชาติ
   บรรจงวาดเขียนไว้ลวดลายศิลป์
   ทิ้งตำรามาเรียนเขียนแผ่นดิน
   มาดื่มกินจินตนาแห่งอารมณ์

   ผีเสื้อสาวชมสวนมวลดอกไม้
   แต้มสีให้โลกสวยช่วยผสม
   พิณคนธรรพ์บรรเลงเพลงลอยลม
   กล่อมพนมด้วยลำนำคำว่ารัก

   ฉันเดินทางร้างถิ่นมาถึงนี่
   เพื่อหลีกหนีฟันเฟืองคมเครื่องจักร์
   มาพบธารน้ำใสชื่นใจนัก
   ก้มลงวักน้ำวนอยู่คนเดียว

   ปีกเสรีมีฝันไร้พันธะ
   มีวิญญาณอิสระจะท่องเที่ยว
   เดินบุกป่าเสาะหารุ้งทุ่งกระเจียว
   กลางป่าเปลี่ยวแต่ปลอดภัยกว่าในเมือง

   มาพบมิตรสนิทหมายใจสมัคร
   มาพบรักปักแน่นแดนดอกเอื้อง
   มาหอมกลิ่นดินกรุ่นอุ่นประเทือง
   มาพบเรืองรุ้งพราวในราวไพร

   ฉันเดินทางร้างถิ่นมาถึงนี่
   เพื่อจะเขียนบทกวีที่อ่อนไหว
   เพื่อจะมานอนพักรักษาใจ
   หลับอยู่ในอ้อมแขนแดนมารดร.

   จากบทกวีชื่อ"พเนจร" ของ"เดือนแรม ประกายเรือง" ในหนังสือชื่อ"ลายปีกผีเสื้อ" พิมพ์
เมื่อ พ.ศ.2537 ท่านเดือนแรม  เขียนบทกลอนแนวธรรมชาติลื่นไหลหาตัวจับยาก  ใช้ภาษาอ่อนหวาน
เนื้อหานุ่มนวล  เป็นคนฝั่งอันดามันแถวๆพังงา  เขียนบทกวีรวมเล่มไว้หลายเล่ม แต่ละเล่มแพรวพราว
ด้วยฉันทลักษณ์แนวรักธรรมชาติ   เป็นคอลัมนิสต์ของนิตยสารหลายฉบับ 

   พิณวสันต์บรรเลงเพลงกล่อมโลก
   ละลายโศกลงสิ้นแผ่นดินหอม
   ดอกหญ้าแซมแย้มยิ้มพิมพะยอม
   ค่อยถนอมหน่อยนะก่อนจะโรย

   เสนาะล้ำน้ำไหลในพฤกษา
   รินหลั่งมาคลายร้อนอ่อนระโหย
   แหล่งพักใจไพรร่มมีลมโชย
   สายฝนโปรยประปรายพรายพร่างพราว

   แดดอ่อนแสงบนภูสูงรุ้งทอสาย
   เมฆระบายสายหมอกดอกไม้ขาว
   น้ำค้างเย็นยะเยือกเทือกภูยาว
   ดอกหญ้าหนาวอยู่ในไพรพนม

   เสน่หาป่าเขาเนาวพฤกษ์
   งามอยู่ในมโนนึกรู้สึกสม
   รักแผ่นดินหินผาธารารมย์
   รักสายลมแสงแดดสิ่งแวดล้อม

   คนหนึ่งเด็ดดอกหญ้ามาขยี้
   แต่หนึ่งมีมือน้อยคอยถนอม
   คนหนึ่งเด็ดดอกไม้ไปดมดอม
   แต่หนึ่งพร้อมป้องกันอันตราย

   ธรรมชาติปราถนาการถนอม
   สิ่งแวดล้อมกำลังพังสลาย
   เลิกใช้เล่ห์ลวงหลอกออกอุบาย
   หยุดทำลายเผ่าพันธ์กันเสียที.
   นี่ก็เป็นบทหนึ่งของงานเขียนแนวอนุรักษ์ธรรมชาติของ เดือนแรม ประกายเรือง
ชื่อ"หนึ่งมือน้อยคอยถนอม" ซึ่งความจริงแล้วมีอีกหลายๆบท   ลองหาอ่านกันดูเถิดขอรับ. 


+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ สหัสวรรษ

  • เซียน
  • ****
  • ออฟไลน์
  • 568
    65
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: 30/พ.ค./13 08:41น. »

เมื่อคืนเปิดดูเว็บเจอข้อความที่แปลจากกลอนบทนำในนิยายอิงพงศาวดารเรื่องสามก๊ก  เลยเอามาดัดแปลงให้เป็นกลอนแปดให้ตรงกับความหมายในบทกวีภาษาจีน อันนี้อาจจะต้องให้เกร็ดเล็กน้อยสำหรับท่านที่ยังไม่รู้นะครับ ผู้แต่งพงศาวดารเรื่องสามก๊กนี้ชื่อว่าหลอกว้านจง เดิมแต่งพงศาวดารเรื่องนี้เพื่อให้แสดงเป็นบทงิ้วแสดงในโรง ซึ่งธรรมดาการเริ่มงิ้วจะมีบทกลอนนำกล่าวอารัมภบทเสมอ ถือเป็นการสรุปเนื้อหาใจความของเรื่อง อันหลอกว้านจงนี้เป็นขุนศึกผู้เปี่ยมวิทยายุทธ์ท่านหนึ่ง แต่เสียดายที่เกิดผิดเวลา เกิดหลังจากจูหยวนจาง ปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงนำทัพขับไล่มองโกลแห่งราชวงศ์หหงวนไปร่วม50ปี เรียกว่าวีรบุรุษขาดสนามยุทธ์ในการแสดงฝีมือ จะทำไงให้มีชื่อปรากฏในประวัติศาสตร์ นิยายเรื่องสามก๊กเลยบังเกิดขึ้น

แยงซีรี่ไหลไปบูรพา
คลื่นซัดมาพาผู้กล้าลาลับหาย
แพ้ชนะจะคงที่ซักกี่ราย
ตะวันฉายทิวไม้อยู่คู่วันวาร

คนตัดฟืน เฒ่าหาปลาที่ผมขาว
ฤดูหนาวร้อนฝนคนเคยผ่าน
สุราขุ่นป้านใหญ่เข้าเล่าตำนาน
เก่า ๆ ใหม่ ๆ เสพสราญ ว่ากันไป ....


<a href="http://www.tudou.com/v/mp5INfzARE8" target="_blank" class="new_win">http://www.tudou.com/v/mp5INfzARE8</a>

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30/พ.ค./13 08:43น. โดย สหัสวรรษ »

ออฟไลน์ ชบาบาน

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 579
    486
  • เพศ: ชาย
  • แม้สองเท้าติดตมจมโคลนอยู่ แต่ตายังเงยดูดวงดาวได้
    • อีเมล์
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: 30/พ.ค./13 11:43น. »

อันพงศาวดารชุดสามก๊กนี้  ใครคนหนึ่งอาจนั่งอยู่ในวงสุราขุ่นป้านใหญ่กระมัง  ให้นิยามไว้ว่า "ใครอ่านสามก็กได้3 จบคบไม่ได้"  สำหรับกระผมดูเหมือนจะ 5 จบแล้วกระมัง
แต่เพื่อนฝูงก็ยังคบหาเฮฮาเสมอต้นเสมอปลาย  ถ้าจะว่าไปแล้วแค่หยิบมาแก้ง่วงสักหน้าสองมันก็จะติดพันเลยเถิดไปจนจบน่ะแหละ  วางไม่ลงจริงๆ(ฝีมิอแปลท่านเจ้าพระยา
พระคลังหน )  ในระยะหลังนี่ริมาดูที่เขาทำเป็นวิดิโอ ยังดูไม่จบเลย  สารภาพกันตรงๆขอรับ อ่านหนังสือสนุกกว่าเป็นไหนๆ พับเผื่อย...!!!

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ สหัสวรรษ

  • เซียน
  • ****
  • ออฟไลน์
  • 568
    65
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: 31/พ.ค./13 12:08น. »

ตอนเช้าเข้าไปโหลดชุดสุดยอดเพลงจีนอมตะ โจวฮุ่ยหยง - ชุดที่ 1 ที่คุณแม็ท เมืองชล กรุณานำมาฝาก เจอเพลงที่16 ชื่อเพลงแปลเป็นไทยว่ารักกันฉันคือเธอ ซึ่งเป็นสำนวนจีนที่ชอบใช้กันในหนุ่มสาวที่รักใคร่กัน ฟังแล้วเพลงนี้ดัดแปลงมาจากโศลกประเภทฉือในราชวงศ์หงวน(ราวยุคสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช)ของจีนจริงด้วย เลยไปค้นหาจากบทกวีที่เก็บไว้ซึ่งเก็บตกมาจากการดูซีรี่ย์จีนเรื่องหนึ่ง เลยเอามาแปลเป็นกาพย์ยานี11 พร้อมประกอบบทเพลงให้ฟังพร้อมไปด้วย

เพื่อทราบที่มาที่ไปของโศลกบทนี้ จะเล่าให้ทราบเพียงคร่าวๆจากที่ค้นในเน็ต ผู้แต่งโศลกบทนี้เป็นผู้หญิงชื่อกว่านเต้าเซิง เป็นภรรยาของจินตกวี(นักวาด)ชื่อดังในสมัยนั้นชื่อจ้าวเมิ่งฝู่ จ้าวเมิ่งฝู่เกลอเห็นว่าอันปราชญ์ผู้มีความสามารถควรจะมี3ภรรยา4นางบำเรอเป็นอย่างต่ำ ไม่งั้นจะน้อยหน้าเพื่อนฝูงตกรุ่นไป เลยวางโครงการมีภรรยาน้อย ฝ่ายกว่านเต้าเซิงผู้ภรรยาก็เดือดร้อนซิครับ เลยเขียนโศลกบทนี้ไปยื่นอัลติเมตั้มให้ฝ่ายสามี สามีรับเข้าพลางอ่านพลางเหงื่อแตกไปพลาง ด้วยความละอายใจเลยยุติโครงการสวยหรูไว้เพียงแค่นี้


รักกันฉันคือเธอ
รักมั่นพอๆกัน ฉันรักเธอเหลือไรนั่น
ดุจไฟบรรลัยกัลป์ เผาผลาญไหม้ไปทุกที่
เอาดินมาหนึ่งกอง ปั้นเป็นน้องและเป็นพี่
ครั้นปั้นกันได้ที่ ปรี่เข้าทุบบุบสลาย
เอาน้ำมาละเลง เจ๋งจังนี่น้องพี่คลาย
เร่งปั้นอีกทีหมาย ให้น้องพี่นี่ระคน
ดินน้องมีพี่ปน พี่อีกคนก็ปนน้อง
อย่างนี้เรามิแยก แตกกันไปไร้คู่ครอง
แม้ตายเราสองต้อง ใส่โลงทองครองร่วมกัน


<a href="http://www.tudou.com/v/PexQV3v3mPY" target="_blank" class="new_win">http://www.tudou.com/v/PexQV3v3mPY</a>

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31/พ.ค./13 12:30น. โดย สหัสวรรษ »

ออฟไลน์ ชบาบาน

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 579
    486
  • เพศ: ชาย
  • แม้สองเท้าติดตมจมโคลนอยู่ แต่ตายังเงยดูดวงดาวได้
    • อีเมล์
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: 31/พ.ค./13 19:25น. »

ได้สดับทั้งกาพย์จากสีมือชั้นครู   ได้ซาบซึ้งกับเสียงเพลงเพราะทั้งเนื้อร้องและทำนอง  แถมพระนางที่แสดงหน้าตาดีเหลือเกิน
ขอบคุณท่านสหัสวรรษ สักห้าสิบกระบุงโกย  ขอรับกระผม

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ สหัสวรรษ

  • เซียน
  • ****
  • ออฟไลน์
  • 568
    65
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: 01/มิ.ย./13 11:26น. »

ช่วงนี้อารมณ์สุนทรีย์มาแรง พอดีนั่งฟังนิยายจีนอยู่บ้าน มีอ้างถึงโศลกอมตะของหลี่ซังหยิ่น กวีเอกอีกท่านสมัยราชวงศ์ถัง(ประมาณพันกว่าปีที่แล้ว ราชวงศ์นี้ถือเป็นยุคทองของวงการกาพย์กลอนของจีน ท่านหลี่ไป๋ซึ่งถูกยกเป็นเซียนกลอนก็อยู่ในยุคเดียวกัน) โศลกบทนี้ถูกยกขึ้นมาเสมอในบทงิ้วหรือแม้แต่ละครยุคปัจจุบันของจีน ไหนๆก็ไหนๆ เลยจัดการแปลเป็นกาพย์ยานี11ของถนัด และพยายามรักษาความหมายและความรู้สึกของฉบับเดิมไว้ แปลกนะ โศลกบทนี้พูดเกี่ยวกับความรัก แต่ไม่มีคำว่ารักซักคำ

พบกันมันยากนัก ยามจากมักยากยิ่งหนัก
เอื่อยเอื่อยลมหยุดพัก บุบผชาติกลาดเกลื่อนโรยรา
ตัวไหมพ่นใยพัน จนมันตายวายชีวา
เทียนไขเป็นเถ้ากว่า น้ำตาไหลไหม้หมดสิ้น

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02/มิ.ย./13 14:20น. โดย สหัสวรรษ »

ออฟไลน์ ชบาบาน

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 579
    486
  • เพศ: ชาย
  • แม้สองเท้าติดตมจมโคลนอยู่ แต่ตายังเงยดูดวงดาวได้
    • อีเมล์
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: 01/มิ.ย./13 13:43น. »

ความจริงกระผมเคยได้ยินอุปมาอุปมัย ของคำว่าไหมสำรอกใยจนตัวตาย  และเทียนส่องแสงให้ความอบอุ่นแก่ผู้อื่นแต่บั่นทอนทำลายตัวเอง
นี่เคยได้ยลยินมาไม่น้อยครั้ง  แต่หาทราบไม่ว่าต้นธารของคำเหล่านี้มาจากปรัชญ์เมธีชาวจีน  ขอบคุณท่านสหัสวรรษจริงๆขอรับ ช่วง
นี้กระผมซึมซับบทกวีจีนโบราณไว้เยอะ  ล้วนแต่ดีๆทั้งนั้น สาเหตุเพราะคบหากัลยาณมิตรเช่นท่านนี่แหละ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ หนุ่มบางแค

  • MOD
  • *
  • ออฟไลน์
  • 418
    191
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: 02/มิ.ย./13 14:05น. »

บทกลอนของท่านชบาบาน  ผมอ่านดูแล้ว  ไม่ธรรมดาเลย  น่าจะเป็นระดับกวีได้เลยครับ

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ สหัสวรรษ

  • เซียน
  • ****
  • ออฟไลน์
  • 568
    65
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: 02/มิ.ย./13 16:17น. »

ท่านชบาบานเอากทกลอนธรรมชาติมาฝากเยอะๆก็ดีครับ ผมไม่ค่อยถนัดพวกนี้ เรียกว่าถ้าเปรียบเป็นหนัง ผมก็ถนัดดูหนังประเภทAction อย่างหนังDrama แบบธรรมชาติๆถ้ามากระแทกตาก็จะสนใจดู แต่ไม่ถึงกับไปเสาะหา
ผมอยากจะนำโคลงประเภทฉือของซินจี๋ชี่ กวีสมัยราชวงศ์ซ้อง(สมัยเปาบุ้นจิ้น)มาให้อ่านกัน เป็นบทกวีอมตะที่นักเรียนจีนเขาเรียนกัน อันผู้แต่งบทกวีนี้ตามประวัติเป็นกวีประเภทปลุกใจรักชาติ และมีอิทธิพลต่อสังคมมากในสมัยนั้น ในบทกวีจะพูดถึงกระบี่ ตอนแรกจะแปลว่าดาบแล้ว แต่เคยดูการวิเคราะห์ความหมายของกระบี่แล้วเลยเปลี่ยนใจ อันกระบี่นี้ถือเป็นอาวุธและสัญลักษณ์การทหารและการปกครองที่สำคัญของจีนตั้งแต่สมัยโบราณ กระบี่ต่างกับดาบตรงที่กระบี่จะต้องตรง ปลายแหลม ความตรงของกระบี่เป็นสัญญลักณ์ของความถูกต้อง คุณธรรม และปลายแหลมและคมคือความเด็ดขาด ฉะนั้นในสมัยโบราณทุกคนที่มีฐานะจะต้องสะพายกระบี่เพื่อแสดงถึงคุณธรรมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบุ๋นหรือบู๊ อย่างพวกปราชญ์โบราณอย่างเช่นกวีหลี่ไป๋ยังสะพายกระบี่เลย ส่วนการนำทัพก็เช่นกัน การจะนำทัพไปสู้ศึกหรืออะไรก็แล้วแต่จะต้องมีการอ้างเพื่อคุณธรรม ไม่งั้นคนจะไม่ยอมรับ ในภาษาจีนเรียกว่าการยกทัพที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม สุภาษิตเรียกว่าชื่อไม่ถูกหลักธรรม คำสั่งใดก็ไม่ได้ผล มาดูบทกวีดีกว่า


รำพึงนายทัพ(เฒ่า)
เมาได้ที่หรี่ตะเกียงเพียงให้แสง
สว่างแรงพอลูบชมคมกระบี่
ตื่นตอนเช้าเสียงแตรเป่ากลองเร้าตี
ปลุกน้องพี่ที่งัวเงียอย่าเสียงาน
โคย่างพลางแบ่งพลไพร่ไปตบท้อง
เสียงฆ้องกลองปลุกเร้าใจไพร่ทหาร
เสียงเพลงพิณยินไปสู่ผู้รุกราน
เหล่าทหารเข้าตามหมวดให้ตรวจทัพ
อาชาไวดุจปรอทปลอดไปหน้า
ทหารกล้าบุกฝ่าไปไม่หันกลับ
ฝูงธนูแลดูเสียวเฟี้ยวฟับฟับ
ฟังคล้ายกับอสนีที่ฟาดฟ้า
เจ้าชีวิตที่คิดทำสำเร็จแล้ว
ด้วยความแน่วแน่ใจไม่กังขา
ทหารฝ่าความตายได้ไม่รอรา
สงสารแต่ข้าผมเผ้าขาวแล้วเอย

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02/มิ.ย./13 17:29น. โดย สหัสวรรษ »

ออฟไลน์ ชบาบาน

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 579
    486
  • เพศ: ชาย
  • แม้สองเท้าติดตมจมโคลนอยู่ แต่ตายังเงยดูดวงดาวได้
    • อีเมล์
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: 03/มิ.ย./13 10:58น. »

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นถึงข้อแตกต่างระหว่างกระบี่และดาบ  รวมทั้งความหมายของศาสตราวุธในเชิงปรัชญา  แนวคิดของคนจีน
โบราณนี่ช่างลึกซึ้งคมคายจริงๆ ขอบคุณท่านสหัสวรรษขอรับ  และพนมมือคารวะขอบคุณท่านรองฯ(หนุ่มบางแค) ที่กรุณาเข้ามาให้
กำลังใจกัน เช่นกันขอรับ   

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ ชบาบาน

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 579
    486
  • เพศ: ชาย
  • แม้สองเท้าติดตมจมโคลนอยู่ แต่ตายังเงยดูดวงดาวได้
    • อีเมล์
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: 14/มิ.ย./13 08:23น. »

   องค์การศึกษาและวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(UNESCO) เป็น
องค์กรที่เผยแพร่ส่งเสริมวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกต่างๆทั่วโลก  ทำหน้าที่
ยกย่องเชิดชูเกียรติ์และเผยแพร่ผลงานของบุคคล  ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม
ระดับโลก  ให้ปรากฎแก่เหล่าสมาชิกทั่วโลกตลอดมา
   ในการนี้ยูเนสโกได้ยกย่องเชิดชูเกียรติ์ให้แก่บรมครูด้านวรรณกรรม
ของประเทศไทยคือท่าน"สุนทรภู่" มาตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2529 ท่านรองนายก
รัฐมนตรีในสมัยนั้น(ท่านเศวต เปี่ยมพงศ์สานต์)จึงได้จัดตั้งสถาบันสุนทรภู่เพื่อสนับ
สนุนการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับชีวิตและงานของท่านครูภู่ จึงเป็นที่มาของวันสุนทรภู่ตั้ง
แต่บัดนั้นเป็นต้นมา
   ท่านครูภู่ เป็นครูเป็นต้นแบบ ของเราเหล่าผู้รักวรรณกรรมตลอดมา เป็น
ผู้รังสรรค์วรรณกรรมดีๆไว้มากมาย เช่น
   นิราศ ประมาณ    9    เรื่อง
   นิทานคำกลอนหลายเรื่อง เช่น พระอภัยมณี,โคบุตรฯ
   ปกิณกะสุภาษิตสอนคน เช่น สุภาษิตสอนหญิง,เพลงยาวถวายโอวาทฯ
   ในแต่ละเรื่อง จะสอดแทรกประเพณีวัฒนธรรมอันเป็นของโบราณไว้มาก
มายจนกลายเป็น"วรรคทอง"ฝากไว้ในบรรณพิภพจนเท่าทุกวันนี้
   ในโอกาศวันสุนทรภู่ที่จะถึงในไม่กี่วันนี้  กระผมใคร่ขอกราบเรียนเชิญท่าน
ผู้มีใจรักในวรรณกรรม  ช่วยกันรำลึกถึงท่านท่านครูภู่ด้วยข้อเขียน,รูปภาพหรือบทกลอน
จะลงตรงนี้ หรือเปิดกระทู้ใหม่ก็ได้  เพื่อรำลึกถึงครูภู่ เพื่อจรรโลงวรรณกรรมไว้ให้ลูกหลาน
สืบไป ขอเชื้อเชิญ ขอรับกระผม.
   

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ เวียงสา980

  • ผู้ช่วยแอตมิน
  • *******
  • ออฟไลน์
  • 2354
    1470
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: 14/มิ.ย./13 08:49น. »

อ่านยังไม่จบ ค่ะ เอาไว้ถ้าว่าง จะมาอ่านต่อ นะคะ เยอะมาก เลย

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ ทวีป โคราช

  • ผู้ช่วยแอตมิน
  • *******
  • ออฟไลน์
  • 1486
    1533
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: 26/มิ.ย./13 08:07น. »

นักฟังเพลงส่วนใหญ่ก็จะชอบคำประพันธ์้ด้วย เพราะเป็นของคู่กัน เพลงสมัยเก่าก็เป็นการแต่งร้อยกรอง ทำให้มีความไพเราะ คล้องจอง จำได้ขึ้นใจ  เพลงวัยรุ่นสมัยนี้ผมฟังแล้วปวดหัวครับ แต่งแบบร้อยแก้ว ไม่มีสัมผัส ในโรงเรียนสมัยก่อนก็ให้มีการท่องบทอาขยาน ทำให้ฝังใจมาจนถึงปัจจุบัน แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบ 50 ปี ยังจำบทอาขยานนั้นได้ แต่จะหลงลืมบ้าง  ผมจำได้ว่าตอนอยู่ ป.3 (ปี 2508) เคยท่องอาขยานบทนี้ครับ  เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน  เหมือนอย่างนางเชิญ  พระแสงสำอางข้างเคียง  เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง  เริงร้องซ้องเสียง  สำเนียงน่าฟังวังเวง  กลางไพรไก่ขันบรรเลง  ฟังเสียงเพียงเพลง  ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง....
     ผมประทับใจและจดจำบทประพันธ์นี้ได้ขึ้นใจ และชื่นชอบในบทประพันธ์ประเภทร้อยกรอง  ผมว่ามันเป็นความงดงามทางภาษาที่ควรจะมีอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ ชบาบาน

  • MOD1
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 579
    486
  • เพศ: ชาย
  • แม้สองเท้าติดตมจมโคลนอยู่ แต่ตายังเงยดูดวงดาวได้
    • อีเมล์
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: 26/มิ.ย./13 22:06น. »

ท่านทวีป ดูจะเข้าใจในความเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทย  คอเพลงบ้านพักใจถ้าเป้นคนรุ่นเก่า  ชอบเพลงที่มีสำผัสคล้องจอง
ถ้อยคำสละสลวย  เพลงเก่าโดยนักแต่งเพลงเก่าๆจึงมีลมหายใจติดต่อมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ส่วนที่ท่านเอ่ยถึงเพลงวัยรุ่น
สมัยนี้  ความรู้สึกของกระผมก็คล้ายๆความรู้สึกท่านแหละขอรับ มันมักจะเป็นร้อยแก้วแล้วใส่ทำนองเป็นเมโลตี้เข้าไป ให้ชิ้น
ดนตรีดังๆ  ก็ได้กรี๊ดได้ฮือฮากันแล้ว  แต่พวกเขาก็สนุกสนานกัน  ปล่อยพวกเขาเถอะขอรับ นี่มันยุคของ K-POP,J-POP

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189

ออฟไลน์ ตู่ ลำพูน

  • VIP
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 583
    114
  • เพศ: ชาย
Re: กวีวรรค
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: 04/ก.ค./13 20:41น. »

เข้ามาอ่านบทกลอนของแต่ละท่านไม่เบาเลย...ข้าน้อยต้องขอฝากตัวเป็นศิษย์ท่านอาจารย์.. :'e:92

+0 โดย

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=14189