สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

กวีวรรค

<< < (6/10) > >>

สหัสวรรษ:
สรรพลี้หวล ผมไม่เคยรู้จัก อาจจะห่างจากวงการไปนานทั้งๆที่เป็นคนใต้ เลยไปค้นหาดูในเว็บ ก็เห็นว่ามีบันทึกในสมุดใบข่อย เลยจัดการก๊อปไว้ตามระเบียบ อ่านดูแล้วเป็นกลอนในแนวตลกโปกฮา ทำให้นึกถึงบรรยากาศตอนดูหนังตะลุง ยิ่งตนดึกๆด้วยละก้อ อื้อหือ แต่สรุปแล้วก็ได้แค่ความสะใจเท่านั้น หาคำว่าศิลปะไปเจอ ผมขอลอกข้อความที่ผมก๊อปมาทั้งดุ้นมาให้ดูนะครับ ข้อความนี้ผมเห็นด้วยโร้ยโปเซ็ง

ในวรรณคดีไทยมักมีบทอัศจรรย์ แทรกอยู่ด้วย เรื่องความรักและเพศสัมพันธ์ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ในการพรรณนาฉากรักฉากพิศวาสของตัวละครหญิงชาย กวีไทยไม่นิยมกล่าวตรงไปตรงมา แต่จะกล่าวถึงโดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบหรือใช้ สัญลักษณ์แทน บทนี้เรียกว่า “บทอัศจรรย์” กล่าวคือกวีใช้ธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์แทนการแสดงพฤติกรรมทางเพศ บทอัศจรรย์จึงเป็นบทที่ต้องใช้ความสามารถในการแต่ง เพื่อให้เป็นงานศิลปะมิใช่อนาจาร

ไหนๆเว็บนี้เป็นเว็บเพลง ผมเลยอยากเอาบทกลอนที่มาแต่งเป็นเพลงมาให้ฟังกัน เป็นพระราชนิพนธ์ ร.6 ร้องโดยเพ็ญศรี พุ่มชูศรี จะใส่ยูทูปใส่ไม่ถูก โทษที

ดวงใจ
     คำร้อง บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
โอ้ว่าดวงใจอยู่ไกลลิบ
เหลือจะหยิบมาชมภิรมย์สรรค์
เหมือนดวงดาว วาววาวอยู่ไกลกัน
ชิดสวรรค์สุดเอื้อมมาเชยชม
* เสียแรงชื่ออุษานารี
ไยไม่มีเทวามาอุ้มสม
ปล่อยให้นั่งฟูมฟกอกตรม
ร้อนระบม จิตใจดั่งไฟราญ
อ้าองค์เทวาสุรารักษ์
ทรงฤทธิ์สิทธิศักดิ์มหาศาล
ช่วยดลใจให้ชู้คู่ชีวัน
เสียวซ่านเสน่หามาไวไว

[/youtube]

ชบาบาน:
เพลงนี้เป็นเพลงเก่านานมากแล้ว  ในทุกวันไม่ค่อยได้ยินได้ฟังกันแล้วน่าเสียดาย จริงๆ    พูดถึงบทกวีที่เป็นเพลง
ก็ยังมีอยู่อีกไม่น้อย   บทกวีของท่าน ประสิทธิ์ โรหิตเสถียร  เคยเป็นเพลงเพราะๆตั้งหลายเพลง  คงเคยได้ยินได้ฟัง
กัน   แต่การนำเสนอเพลงสมัยนี้ไม่ค่อยแจกแจงความเป็นมาของเพลงสักเท่าไหร่ เช่นผู้แต่งคำร้อง ผู้แต่งทำนอง
มักเอาแต่ชื่อนักร้องเท่านั้น  จึงไม่ค่อยเป็นที่รู้กัน

ลุงชัย นรา:
        ข้อนี้ผมเห็นด้วย กับท่านชบาบานเป็นอย่างมากๆเลยครับ นักร้องไม่อาจจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนฟัง หากไม่มีครูเพลงช่วยกล่อมเกลา และช่วย เจียรนัย บา่งบริษัท ไม่ค่อยเห็นความสำคัญในข้อนี้ ไม่พิมพ์ชื่อ ผู้แต่ง คำร้อง/ทำนอง พิมพ์แต่ชื่อนักร้อง เขาคงไม่ทราบว่ากว่าเพลงแต่ละเพลง จะออกมาสู่คนฟัง ครูเพลงต้องกลั่นกรอง บีบเค้น ทั้งสมอง และอารมณ์สักขนาดไหน แถมบางยุค ยังมีนักร้องเนรคุณบางคนมาออกสื่อ ว่าหากเขาไม่ร้องเพลงของครูเพลงคนนี้ ก็ไม่มีใครรู้จัก เป็นเพราะเขาร้องเพลงให้ ครูเพลงเลยพลอยดังไปด้วย..น่าอนาถใจนะ แถมสุดท้าย...ครูเพลงคนแล้วคนเล่าที่ล่วงลับไปบางคนแทบไม่มีผ้าจะพันกาย ทั้งๆที่สร้างฐานะให้ เจ้าของบริษัท นักร้อง ร่ำรวยกันไป เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว...

สหัสวรรษ:
ไปค้นกลอนเก่ามาใส่ขวดใหม่ กลอนนี้เป็นของกวีเอกหลี่ไป๋ สุนทรภู่จีน ถือบทกวีอมตะ แม้แต่ฝรั่งก็ยังศึกษาบทกลอนของท่าน ซีรี่ย์เรื่องเปาบุ้นจิ้นยังเอาข้อความบางตอนในกวีบทนี้ไปแต่งเป็นเพลงประกอบ ผมเลยเอาทั้งต้นฉบับภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และกาพย์ยานี11 มาให้เปรียบเทียบกันเลย เป็นกลอนที่แต่งขึ้นในงานเลี้ยงส่งท่านเสมียนซูหวิน เชิญทัศนาได้ ใครถนัดจีนจีน ใครปะกิตปะกิต หรือจะเพลิดเพลินไปกับกาพย์ยานี11ก็ได้

《宣州谢朓楼饯别校书叔云》
作者:李白
弃我去者,昨日之日不可留。
乱我心者,今日之日多烦忧。
长风万里送秋雁,对此可以酣高楼。
蓬莱文章建安骨,中间小谢又清发。
俱怀逸兴壮思飞,欲上青天览日月。
抽刀断水水更流,举杯消愁愁更愁。
人生在世不称意,明朝散发弄扁舟。

Seven-character-ancient-verse

    Li Bai

    A FAREWELL TO SECRETARY SHUYUN
    AT THE XIETIAO VILLA IN XUANZHOU


        Since yesterday had to throw me and bolt,
        Today has hurt my heart even more.
        The autumn wildgeese have a long wind for escort
        As I face them from this villa, drinking my wine.
        The bones of great writers are your brushes, in the School of Heaven,
        And I am a Lesser Xie growing up by your side.
        We both are exalted to distant thought,
        Aspiring to the sky and the bright moon.
        But since water still flows, though we cut it with our swords,
        And sorrows return, though we drown them with wine,
        Since the world can in no way answer our craving,
        I will loosen my hair tomorrow and take to a fishingboat.

จากข้าเวลาวาน พร่ำเรียกขานมิหวนคืน
รบกวนข้ายามตื่น คืนวันนี้ที่เศร้าโศก
ลมโบกโบยโชยพา ห่านป่ามาจากไกลโลก
มิควรจะวิโยค ร่ายโศลกยกเหล้าถอน
ท่านนั้นเปรียบประดุจ เป็นที่สุดแห่งสาคร
ตำราและอักษร อีกโคลงกลอนที่หาญกล้า
เราสองมีพลัง ที่แฝงฝังยังชีวา
ทะยานสู่เมฆา สู่เวหาหาแขไข
มือสองประคองกอด มิให้ลอดหนีไปได้
ฟันหมับฉับน้ำไหล ขาดหรือไม่ไหลยิ่งเชี่ยว
หมองเศร้าเคล้าห่อเหี่ยว เหล้าจอกเดียวยิ่งหม่นหมอง
ยกมือถือจอกสอง นิ่งเฝ้ามองตรองตรองคิด
คนเราในโลกหล้า ต้องนำพาเรียกหาสิทธิ์
มิอาจใช้ชีวิต ตามที่คิดใครทนไหว
มิสู้รุ่งเช้าตรู่ พายเรือดูตามน้ำไป
ไปสู่ที่ไกลไกล มิมีใครไร้ผู้คน


หลี่ไป๋

ชบาบาน:
เคยได้ยินชื่อมหากวี"หลีไป่"มานานทีเดียว  จากภาพยนต์ จากหนังสือกำลังภายใน ท่านนี้เข้าใจว่าจะเป็นที่นิยมชมชื่น
ของชาวจีนเป็นอย่างมาก  จากกาพย์ยานีถ้อยรำพันกินใจเหลือที่จะกล่าว  บทกวีจีนนี่ลึกซึ้งเอามากๆ ขอบคุณท่าน
สหัสวรรษ ที่นำเอามมหากาพย์ของมหากวีชาวจีนมาฝากกัน ขอรับ.

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version