สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า
ทำข้าช้ำทรวง
(1/1)
ชบาบาน:
จากกลิ่นโคลนสาบควายสายน้ำขุ่น
หวังไปวุ่นศึกษาวิชาสรรพ์
ในเมืองกรุงเมืองฟ้ามานานวัน
เอ็งมิผันเบือนกายเยือนไร่นา
พ่อและแม่แก่มากหวังฝากผี
ความหวังปรี่ล้นทรวงแสนห่วงหา
สองผู้เฒ่าเหงาหงอยคอยเวลา
ให้กลับมาตั้งฐานที่บ้านดง
เอ็งลืมเลือนเพื่อนพ้องพี่น้องสิ้น
ไปซบกลิ่นเมืองงามด้วยความหลง
จะชั่วช้าอย่างไรไม่พะวง
สักวันคงย่อยยับเยินกลับมา
ข้าได้รับรู้ข่าวจากชาวบ้าน
ว่าเอ็งร่านร่อนเร่เสน่หา
เที่ยวเปลี่ยนคู่สู่สมภิรมยา
อนิจจาน้ำใจเอ็งไม่จริง
ข้าเคยรักภักดียิ่งชีวิต
หวังสนิทเทิดทอดเป็นยอดหญิง
เอ็งกลับกลอกยอกย้อนหลอนเหมือนลิง
ทุกทุกสิ่งที่เอ็งทำข้าช้ำทรวง.
ชบาบาน:
ท่านวัฒนา เป็นคนเข้าใจโลกและชีวิตได้ดีคนหนึ่ง สมัยนี้การจะใช้ชีวิตให้รอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามันไม่ง่าย
แต่มองโลกและสังคมอย่างง่ายๆแบบท่านวัฒนานี่ก็ดีทีเดียว ขอบคุณขอรับ ที่ให้อะไรดีๆอยู่เสมอ
หนุ่มบางแค:
ท่านทั้งสองแต่งกลอนได้ขนาดนี้ ทั้งไพเราะและเนื้อหาดี น่าจะแต่เพลงขายให้ค่ายเพลงได้เลยตะครับ ผมอยากแต่งได้แบบนี้มั่งจัง :'e:92 นับถือ นับถือ
ชบาบาน:
พนมมือกราบกราน คารวะในน้ำใจท่านสารวัตรเป็นอย่างมาก ที่เมตตาให้กำลังใจกัน ขอรับกระผม
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version