สัพเพเหระ > เป็นนักเลงกลอนอย่านอนเปล่า

เก็บเศษแก้ว

(1/1)

ชบาบาน:
 ด้วยดวงตาซื่อใสช่างไหวหวาม
สุดงดงามเพราพริ้มอิ่มเอิบฝัน
ระคนเศร้าหม่นรื้นทุกคืนวัน
ประกายนั้นแสนงามยามมองมา

ใครหนอใครช่างทำเธอช้ำชอก
ใครหนอหลอกด้วยเล่ห์เสน่หา
สร้างรอยบาปสาปซ้ำไม่นำพา
หยาดน้ำตาซึมเปื้อนเป็นเพื่อนใจ

บ้านใกล้กันเห็นกันทุกวันหมอง
ยามเธอร้องครวญคร่ำทำไฉน
เป็นแก้วร้าวแก้วรานสะท้านใจ
อยากเข้าไปปลอบขวัญกัลยา

ร้องไห้เถิดนวลน้องจงร้องไห้
น้ำตาไหลด้วยฤทธิพิษความปร่า
จะชะล้างความหลังฝังอุรา
ให้แก้วตาสร่างโศกจากโรคใจ

อยากจะเก็บเศษแก้วแล้วมาหลอม
เพื่อถนอมแก้วขวัญเป็นอันใหม่
เปล่งประกายพรายพร่างในกลางใจ
จะมิให้แก้วร้าวอีกคราวเลย...!!.

ชบาบาน:
นำเพลง"เก็บเศษแก้ว"มาร้อยเรียงในลีลากวี  เสียดายที่ไม่อาจนำเพลงเก็บเศษแก้วมาประกอบได้ เนื่องจาก
ทำไม่เป็น  ขอประทานอภัยด้วยขอรับ ท่านใดทำเป็นจะนำมาสอดแทรกให้ได้ก็กราบกรานขอบพระคุณกันละ
ขอรับ.

กิตติศักดิ์ วังผา:


เมื่อเขานั้น..................ผืนใจ...................ให้ชอกช้ำ
ถูกเขาทำ...................ร้ายใจ...................ให้หม่นหมอง
เห็นเธอนั่ง..................ระกำ.....................น้ำตานอง
แม่นเนื้อทอง...............แฟนเก่า.................สาวชาวนา

เจ้าเปรียบดั่ง...............แก้วใส..................วิไลเลิศ
สุดประเสริฐ................งามขำ..................ช่างล้ำค่า
มาบัดนี้.....................ยุพิน....................สิ้นราคา
ถูกผลักไส..................กลับมา.................บ้านนาเรา


พี่จะเก็บ.................เศษแก้ว.................แพรวพราวนั้น
หลอมรวมมัน............โดยใช้...................แรงไฟเผา
เพื่อให้เป็น..............แก้วใหม่..................ใสแววเงา
จะเก็บเอา................แก้วไว้...................ใจพี่ชาย

ชบาบาน:
ปรบมือให้ดังๆเลยขอรับ  เนียนมากๆ 

กิตติศักดิ์ วังผา:
แม้นคนอื่น.............ติฉิน................นินทาพี่
ว่าอย่างงั้น.............อย่างงี้..............จนเสียหาย
ที่ไปคว้า...............นวลน้อง............มาแนบกาย
แม้นใครจะ............ว่าร้าย................พี่ก็ทน

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version