ผู้เขียน หัวข้อ: แชมเปี้ยนผู้ว่าราชการจังหวัด  (อ่าน 4642 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ จ้อง

  • ผู้ทรงเกียรติ
  • *
  • ออฟไลน์
  • 883
    1906
  • เพศ: ชาย


แชมเปี้ยนผู้ว่าราชการจังหวัด

คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายของมหาดไทย
ที่ออกมาเป็นชุดดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
มีแง่มุมที่น่าสนใจสมควรหยิบมาคุยกันบ้างหลายประเด็น

หลังคำสั่งย้ายชุดใหญ่นี้ออกมาแล้ว
มีสถิติอย่างหนึ่งซึ่งควรบันทึกไว้สำหรับการดำรงตำแหน่ง
"ผู้ว่าราชการจังหวัด" ของบรรดานักปกครองทั้งหลาย

ผู้ว่าฯที่ดำรงตำแหน่งมากจังหวัดที่สุดซึ่งปรากฏชื่อในการโยกย้ายคราวนี้โดยครองสถิติ แชมป์ผู้ว่าฯ
ต่อเดียวคือ นายวินัย บัวประดิษฐ์ ซึ่งล่าสุดเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง

นายวินัย เป็น ผวจ.มาแล้ว 7 จังหวัด รวมทั้งคำสั่งล่าสุดนี้
นับตั้งแต่พังงา ปี 2548 สุราษฎร์ธานี ปี 2550 ชัยนาท ปี 2551 หนองบัวลำภู
ปี 2553 เพชรบุรี ปี 2554 นครราชสีมา ปี 2555 และพัทลุง ปี 2557
แถมยังเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงด้วยในปี 2552 ตอนเรียน วปอ.
ยังมีเวลาอีก 2 ปีถึงจะเกษียณในปี 2559 ถ้ามีการย้ายอีกทีก็จะเป็นการเพิ่มสถิติขึ้นอีก

ผู้ว่าฯ คนที่สองที่สร้างสถิติเป็น ผวจ.ถึง 6 จังหวัด ตามจี้มาติดๆ คือ
นายระพี ผ่องบุพกิจ ที่เริ่มต้นเป็นผู้ว่าฯที่ศรีสะเกษเมื่อปี 2552 สุรินทร์ มิถุนายนปี 2553
นครราชสีมา ธันวาคมปี 2553 หนองบัวลำภู 2554 พิษณุโลก 2556
และคราวนี้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ปี 2557
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าในปี 2553 ปีเดียว ผู้ว่าฯระพี เป็นผวจ. 3 จังหวัดรวด
คือต้นปียังเป็นผู้ว่าฯศรีสะเกษ กลางปีเป็นผู้ว่าฯสุรินทร์ และปลายปีเป็นผู้ว่าฯนครราชสีมา

มิหนำซ้ำเนื่องจากยังมีอายุราชการยาวนานไปเกษียณปี 2563
ทำให้คาดหมายได้ว่าถ้าย้ายอีกทีสองทีก็สามารถทำลายสถิติเดิมลงได้

รายที่สามไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า รายนี้ ทำสถิติเป็นอันดับ 3 คือเป็น ผวจ. 5 จังหวัด
เริ่มที่บุรีรัมย์ ปี 2552 ปทุมธานี ปี 2553 ระนอง ปี 2554 ชุมพร ปี 2555 และนครศรีธรรมราช ในคราวนี้
โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายนทางกระทรวงเคยให้เข้ามารักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินอยู่ระยะหนึ่ง
และเคยเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงอยู่ช่วงหนึ่งไม่กี่วันในปี 2554

สำหรับ นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีคนใหม่นั้นถึงแม้จะเป็นผู้ว่าฯ 4 จังหวัด
คือ อุทัยธานี ปี 2551 ราชบุรี ปี 2554 สมุทรสงคราม ปี 2556 และนนทบุรี ปี 2557
แต่ก็เคยเป็น รองปลัดกระทรวงมหาดไทยมาแล้วเมื่อปี 2553

ที่เหลือมีอยู่บ้างที่เป็นผู้ว่าฯ 3-4 จังหวัด
ถ้ายังมีอายุราชการเหลือเพียงพอก็อาจขึ้นมาทำลายสถิติได้

ถ้ามองย้อนไปในอดีตมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่ล่วงลับไปแล้วท่านหนึ่ง
เคยทำสถิติผู้ว่าฯมากจังหวัดเอาไว้เหมือนกันคือ
นายคงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์
เคยเป็น ผวจ.แม่ฮ่องสอน ปี 2528 อ่างทอง ปี 2530 กาญจนบุรี ปี 2532 เพชรบุรี ปี 2536
ชุมพร ปี 2539 สมุทรสงคราม ปี 2540 และเกษียณอายุที่นี่ รวม 6 จังหวัด
กับเคยเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง ในช่วงปี 2534-2535

นี่เป็นผู้ว่าฯที่ประชาชนในแต่ละจังหวัดที่เคยไปอยู่ให้ความเคารพนับถือมากคนหนึ่ง.

“ซี.12”


ที่มา : นสพ.ไทยรัฐออนไลน์/19 กย.57/มุมข้าราชการ

 :'e:38


ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=29021
สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงมาก ๆ นะครับ

ออฟไลน์ จ้อง

  • ผู้ทรงเกียรติ
  • *
  • ออฟไลน์
  • 883
    1906
  • เพศ: ชาย
Re: แชมเปี้ยนผู้ว่าราชการจังหวัด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 19/ก.ย./14 09:53น. »

จังหวัดในประเทศไทย มีกี่จังหวัด อะไรบ้าง

ตามความเข้าใจว่ามี 77 จังหวัด นั่นรวมนับเอากรุงเทพมหานคร เข้าไปด้วย
เพราะว่าผู้ปกครองมีชื่อเรียกเป็น ผู้ว่าฯ กทม. นั่นเอง

การปกครองในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนกลาง / กระทรวง ทบวง กรม
ส่วนภูมิภาค / จังหวัด อำเภอ
ส่วนท้องถิ่น / อปท. [กทม. เมืองพัทยา อบจ. เทศบาล (นคร เมือง ตำบล) อบต.]

ราชการส่วนภูมิภาค / จังหวัดพระนคร จังหวัดธนบุรี ถูกยุบไปตั้งเป็นราชการส่วนท้องถิ่น
จังหวัดในประเทศไทยจึงมีเพียง 76 จังหวัด

ภาคเหนือ / 9 จังหวัด
1.จังหวัดเชียงราย
2.จังหวัดเชียงใหม่
3.จังหวัดน่าน
4.จังหวัดพะเยา
5.จังหวัดแพร่
6.จังหวัดแม่ฮ่องสอน
7.จังหวัดลำปาง
8.จังหวัดลำพูน
9.จังหวัดอุตรดิตถ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ / 20 จังหวัด
1.จังหวัดกาฬสินธุ์
2.จังหวัดขอนแก่น
3.จังหวัดชัยภูมิ
4.จังหวัดนครพนม
5.จังหวัดนครราชสีมา
6.จังหวัดบึงกาฬ
7.จังหวัดบุรีรัมย์
8.จังหวัดมหาสารคาม
9.จังหวัดมุกดาหาร
10.จังหวัดยโสธร
11.จังหวัดร้อยเอ็ด
12.จังหวัดเลย
13.จังหวัดสกลนคร
14.จังหวัดสุรินทร์
15.จังหวัดศรีสะเกษ
16.จังหวัดหนองคาย
17.จังหวัดหนองบัวลำภู
18.จังหวัดอุดรธานี
19.จังหวัดอุบลราชธานี
20.จังหวัดอำนาจเจริญ

ภาคกลาง
มี 21 จังหวัด (กรุงเทพมหานครไม่ถือเป็นจังหวัด)
1.จังหวัดกำแพงเพชร
2.จังหวัดชัยนาท
3.จังหวัดนครนายก
4.จังหวัดนครปฐม
5.จังหวัดนครสวรรค์
6.จังหวัดนนทบุรี
7.จังหวัดปทุมธานี
8.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
9.จังหวัดพิจิตร
10.จังหวัดพิษณุโลก
11.จังหวัดเพชรบูรณ์
12.จังหวัดลพบุรี
13.จังหวัดสมุทรปราการ
14.จังหวัดสมุทรสงคราม
15.จังหวัดสมุทรสาคร
16.จังหวัดสิงห์บุรี
17.จังหวัดสุโขทัย
18.จังหวัดสุพรรณบุรี
19.จังหวัดสระบุรี
20.จังหวัดอ่างทอง
21.จังหวัดอุทัยธานี

ภาคตะวันออก / 7 จังหวัด
1.จังหวัดจันทบุรี
2.จังหวัดฉะเชิงเทรา
3.จังหวัดชลบุรี
4.จังหวัดตราด
5.จังหวัดปราจีนบุรี
6.จังหวัดระยอง

7.จังหวัดสระแก้วภาคตะวันตก / 5 จังหวัด
1.จังหวัดกาญจนบุรี
2.จังหวัดตาก
3.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
4.จังหวัดเพชรบุรี
5.จังหวัดราชบุรี

ภาคใต้ / 14 จังหวัด
1.จังหวัดกระบี่
2.จังหวัดชุมพร
3.จังหวัดตรัง
4.จังหวัดนครศรีธรรมราช
5.จังหวัดนราธิวาส
6.จังหวัดปัตตานี
7.จังหวัดพังงา
8.จังหวัดพัทลุง
9.จังหวัดภูเก็ต
10.จังหวัดระนอง
11.จังหวัดสตูล
12.จังหวัดสงขลา
13.จังหวัดสุราษฎร์ธานี
14.จังหวัดยะลา


ที่มา : วิกิพีเดีย/สารานุกรมเสรี


ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=29021
สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงมาก ๆ นะครับ

ออฟไลน์ จ้อง

  • ผู้ทรงเกียรติ
  • *
  • ออฟไลน์
  • 883
    1906
  • เพศ: ชาย
Re: แชมเปี้ยนผู้ว่าราชการจังหวัด
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 20/ก.ย./14 10:36น. »

จังหวัดปทุมทองหรือจังหวัดบัวใหญ่

เรื่องราวของการขอจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่เป็นจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทยนั้น
มีความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนหนึ่งตามกฎหมายคือ
ไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนเข้าชื่อร้องขอต่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อให้รัฐสภาพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ ที่ยกร่างมาพร้อมแล้ว

เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 142 และ 163

ในตัวร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
เสนอให้แยก อำเภอบัวใหญ่ อำเภอบัวลาย อำเภอสีดา อำเภอโนนแดง อำเภอประทาย
อำเภอคง อำเภอแก้ง–สนามนาง อำเภอบ้านเหลื่อม รวม 8 อำเภอออกจากจังหวัดนครราชสีมา
มารวมกันตั้ง จังหวัดปทุมทอง หรือ จังหวัดบัวใหญ่ ขึ้น

แต่เนื่องจาก ประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นว่า
เป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน จะต้องมีคำรับรองของ นายกรัฐมนตรี ด้วย

จึงให้ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำเรื่องถึง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
เพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับเรื่อง
แล้วก็ส่งต่อไปสอบถามความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ

เรื่องราวก็ค้างเติ่งข้ามปีมาจนถึงบัดนี้

สำหรับผลดีผลเสียในการตั้งจังหวัดใหม่นั้นมีทั้งสองด้าน
ในเรื่องความสะดวกของประชาชนนั้นดีแน่ แต่เมื่อคิดถึงงบประมาณในการดำเนินการอีก
ไม่น้อยกว่า 7-800 ล้านบาท ตลอดจนอัตรากำลังของข้าราชการแล้วยังเป็นปัญหาใหญ่

ประกอบกับความเห็นของประชาชนก็ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าต้องการไปจากความเป็น ลูกย่าโม หรือไม่
และถ้าจะถามคงต้องถามกันทั้งจังหวัดนครราชสีมา ไม่ใช่เฉพาะแต่คนใน 8 อำเภอที่มีการเสนอให้แยกตัว

พิจารณาดูโดยรอบด้านแล้วเห็นทีว่าเรื่องนี้ยากจะสำเร็จลงได้ในช่วงนี้
เพราะเป็นการริเริ่มของกลุ่มประชาชนบางส่วนมิใช่การดำเนินการของรัฐบาลโดยตรง

ผิดกับการตั้งจังหวัดบึงกาฬที่ทุบโครมลงมาด้วยอำนาจการเมืองจะถูกจะผิดหลักเกณฑ์อย่างไรไม่สนใจ

ส่วนจังหวัดอื่นๆที่เคยร่ำๆจะเสนอขึ้นเป็นจังหวัดใหม่แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เช่น

  • จังหวัดสุรนารี หรือ จังหวัดปากช่อง ที่จะแยกมาจากโคราช
  • จังหวัดฝาง หรือ จังหวัดไชยปราการ ที่จะแยกมาจากเชียงใหม่
  • จังหวัดเทิงนคร ที่จะแยกมาจากเชียงราย
  • จังหวัดชุมแพ หรือ จังหวัดภูเวียง ที่จะแยกมาจากขอนแก่น
  • จังหวัดสว่างแดนดิน ที่จะแยกมาจากสกลนคร
  • จังหวัดชัยบาดาล หรือ จังหวัดพระนารายณ์ ที่จะแยกมาจากลพบุรี
  • จังหวัดทุ่งสง ที่จะแยกมาจากนครศรีธรรมราช
  • จังหวัดไกลกังวล ที่จะเอาอำเภอหัวหินของประจวบคีรีขันธ์ กับอำเภอชะอำของเพชรบุรีมารวมกัน
  • รวมทั้ง จังหวัดแม่สอด ที่จะแยกมาจากตาก
  • แต่บัดนี้เสนอใหม่เป็น แม่สอดมหานคร เขตปกครองพิเศษในรูปแบบของราชการบริหารส่วนท้องถิ่น และ
  • มหานครปัตตานี อะไรนั่น

ทั้งหมดนี้ก็ยังไร้วี่แววความสำเร็จในเร็ววันนี้.

“ซี.12”


ที่มา : นสพ.ไทยรัฐออนไลน์/22 พค.56/มุมข้าราชการ


ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=29021
สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงมาก ๆ นะครับ