ประวัติ
แมน เนรมิตร มีชื่อจริงว่าพยุง ทองเมืองหลวง เกิดเมื่อ 3 เมษายน 2488 ที่บ้านโป่งกูบ ต.พังตรุ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี หลังจากสำเร็จการศึกษาภาคบังคับที่โรงเรียนในบ้านเกิด ก็ได้ใช้ชีวิตแบบลูกชาวนาทั่วไป และเมื่อมีโอกาส ก็จะไปช่วยเพื่อนๆ ร้องเพลงเชียร์รำวงตามงานวัดแถวบ้าน เขาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดได้ไม่นาน ก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน เข้ากรุงเทพ โดยมาอาศัยอยู่กับอา ที่กล้วยน้ำไท
ด้วยความชอบร้องเพลง จึงได้ตัดสินใจไปสมัครร้องเพลงกับ “ครูเทียนชัย สมยาประเสริฐ” แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากตอนนั้น“ครูเทียนชัย สมยาประเสริฐ” กำลังหลงใหลในน้ำเสียงของพนาวัลย์ ลูกเมืองชล (พนม นพพร) จึงตัดสินใจไปสมัคร กับวง “ก้าน แก้วสุพรรณ”อยู่กับวงก้าน แก้วสุพรรณ ประมาณ 6 เดือน ได้ทำแต่หน้าที่แบกหาม ไม่มีโอกาสร้องเพลงบนเวที จึงลาออกจากวง มาเข็นรถเข็นขายสับประรด ที่สนามหลวง ก่อนที่พรรคพวกจะชวนมาเป็นกระเป๋ารถเมล์ สาย 31 ท่าช้างในปี 2507
ช่วงที่เป็นกระเป๋ารถเมล์ ตัดสินใจจะไปสมัครเข้าร่วมวงครูสุรพล สมบัติเจริญ โดยเดินไปที่สำนักงานแล้ว แต่พอเห็นหัวหน้าวงกลับกลัวบารมี ไม่กล้าพูด ไม่กล้าตัดสินใจเข้าไปสมัคร
ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ผ่านทางวัดเชิงหวาย เห็นสำนักงานวงดนตรี “จุฬารัตน์” เลยแวะลองสมัครดู เจอแต่สังข์ทอง สีใส คนหน้าผี แต่ใจดีและมีบุญคุณ ถามว่าบ้านอยู่ไหน บอกว่าเมืองกาญจน์ ฉันอยู่สุพรรณ คนใกล้กัน ทองเหมือนกัน ตอนนั้นเพื่อนสังข์กำลังดังจากเพลง “อกอุ่น” ที่ร้องว่า “อกสตรีนี่แสนอุ่น แม่คุณไฉนถึงอุ่นอย่างนี้....ก็เลยพาไปหาครูมงคล อมาตยกุล แต่ไม่เจอ เจอแต่นักร้องรุ่นพี่ “ชาย เมืองสิงห์”เลยร้องเพลงให้ฟัง พี่ชายเมตตาก็รับไว้ และจะพูดกับครูให้ จนในที่สุดก็ได้มาอยู่กับวงจุฬารัตน์
คุณเจนภพ จบกระบวนวรรณ เล่าเรื่องนี้เอาไว้ว่า ครูมงคล อมาตยกุล เอ่ยพูดถึงลูกศิษย์คนนี้เอาไว้ว่า ปลายปีพ.ศ. 2507 ราวๆ เดือนพฤศจิกายน ได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมีลักษณะสูงโย่ง ผมเป็นกระเซิงเหมือนมิเคยถูกต้องกับหวีได้มาเดินวนเวียนอยู่แถวๆ หน้าสำนักงานของวงดนตรีจุฬารัตน์ ไม่กล้าเข้าไป เดินอยู่อย่างนั้นประมาณ 7 วัน
วันหนึ่งก็ตัดสินใจได้เด็ดขาด ก็เดินเข้าไปในสำนักงานเพื่อมาพบผม เขายกมือไหว้ แล้วก็นั่งนิ่งเป็นเบื้ออยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง จนผมทนไม่ไหวต้องถามว่า ''มีธุระอะไรหรือ''เขาตอบอ้อมแอ้มดูไม่ค่อยแน่ใจว่า ''ผมมาสมัครเป็นนักร้องครับ''
ความจริงนักร้องของจุฬารัตน์กำลังคับคั่งทีเดียว เมื่อผมปฏิเสธไป หมอก็ไม่ว่ากระไร แต่ก็ยังเพียรพยายามมาอยู่เรื่อยๆ มาถึงก็ไม่พูดอะไร นั่งเฉยๆ พอได้เวลาใกล้ค่ำก็ลากลับบ้าน ทุกวันทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 2 เดือน ผมก็เลยนึกเวทนาเปิดประตูให้ด้วยการให้ร้องเพลงให้ฟัง หมอก็ร้องด้วยความเต็มใจ ตั้งอกตั้งใจร้องจนสุดฝีมือ ผมเห็นว่าเด็กคนนี้มีทาง เพราะสุ้มเสียงแปลกหูดีก็เลยได้เข้ามาแบกหามไปก่อนตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2508 ได้มีโอกาสร้องเพลงหน้าเวทีเป็นครั้งแรก วันที่ 27 ก.พ. 2508
โดยเพลงที่ใช้ร้องคือ “หลงกรุง” ของ ก้าน แก้วสุพรรณ ได้ค่าตัว 50 บาท ต่อมาราว 6 เดือน ได้มีโอกาสบันทึกเสียงเพลงแรกคือเพลง “นาดำนาดอน”(ผลงานการประพันธ์ของ สมเศียร พานทอง ซึ่งก็คือชาย เมืองสิงห์ ) และมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักจาก เพลง“ชวนชม” ”(ผลงานการประพันธ์ของ สมเศียร พานทอง)
ว่ากันว่า ตอนแรก แมน เนรมิตร เข้ามาพักอยู่บ้านชาย เมืองสิงห์ และทำหน้าที่ดูแลบ้าน-รดน้ำต้นไม้ แต่เขาเรียก ต้นชวนชมที่ชาย เมืองสิงห์ ปลูกไว้ผิดเป็นประจำว่า ลั่นทม ชาย เมืองสิงห์ เลยแต่งให้ร้องเสียเลยในเพลง...ชวนชม
สำหรับเพลงอื่นๆที่บันทึกเสียง ก็มีเพลง "จองไว้ก่อน" (ผลงานการประพันธ์ของจำนงค์ เป็นสุข) "หลับไม่ลง " , "ไม่สำคัญ" (ผลงานการประพันธ์ของ ป.เทียนสุวรรณ) "ลูกจ้าง " (ผลงานร่วมของ สมเศียร พานทอง และ สนิท มโนรัตน์) ต้องถือว่าเขาโชคดีที่ตอนนั้นมีรุ่นพี่นักแต่งหลายคน มาช่วยกันแต่งเพลงให้มากมาย ช่วงดังๆ เขาได้ค่าตัวคืนละ 300 ถือว่าไม่น้อยในยุคนั้น และได้ขึ้นมาเป็นนักร้องระดับแนวหน้าอีกคนหนึ่งของวงดนตรีคณะจุฬารัตน์
ปี พ.ศ.2512 ตัดสินใจลาออกจากวงจุฬารัตน์ โดยเพลงสุดท้ายที่บันทึกเสียงให้กับวงจุฬารัตน์ คือเพลง “รักแท้จากลูกทุ่ง” (ผลงานการประพันธ์ของวิเชียร คำเจริญ) รวมเวลาอยู่กับวงจุฬารัตน์ ประมาณ 5 ปี ก่อนจะมาตั้งวงเป็นของตนเอง เพลงที่บันทึกเสียงในช่วงนี้ก็อย่างเช่น “แฟนใหม่ใครที่รัก” (ผลงานการประพันธ์ของ หนุ่ม เมืองไพร) “แฟนจ๋าแฟน” (ผลงานการประพันธ์ของ “ไพรสณฑ์ รุ่งรังษี”) “สวยที่หนึ่ง” (ผลงานการประพันธ์ของ “ครูไพบูลย์ บุตรขัน”) และเลิกวงไปเมื่อปี 2515
หลังจากเลิกวงแล้วได้บันทึกเสียงไว้อีกหลายเพลง เช่น “ปลูกบ้านใหม่ให้แม่” ผลงานการประพันธ์ของ “กุศล กมลสิงห์” “มองตาก็รู้” ผลงานการประพันธ์ของ “สุชาติ เทียนทอง” “อยากหนุนตักคุณนาย” ผลงานการประพันธ์ของ วัฒนา พรอนันต์
ในปี 2521 แมน เนรมิตร ได้กลับมาโด่งดังอีกครั้งจากเพลง “บัตรเชิญสีเลือด” (ผลงานการประพันธ์ของ สุชาติ เทียนทอง) เพลงที่บันทึกเสียงหลังสุดคือปี 2546 โดยนำเพลงเก่ามาบันทึกใหม่บางเพลง เช่น “ไม่สำคัญ” , “หลับไม่ลง” และ เพลงที่แต่งใหม่ จากนักแต่งฝีมือดี คือ “พิเศษ แสงเพชร” เช่น “ฆ่าฉันเถิดที่รัก” (ทำนองเดียวกันกับเพลง ขอเป็นพระเอกในหัวใจเธอ ที่ พิเศษ แสงเพชร แต่งให้กับกุ้ง สุทธิราชจนโด่งดัง) และ “รักสาวเมืองช้าง”
สยก่อนนักร้องไม่ได้ร่ำรวย แต่ข่าวว่าเขามาได้สตางค์หลายสิบล้าน ช่วงที่มาทำแผ่นเสียงในยุคหลัง จากเพลง ชุดบัวตูมบัวบาน ของครู (หลวงพ่อ) บุญสม อยุธยา ( พร ภิรมย์ ) โดยให้ สายันห์ สัญญา เป็นคนร้อง เงินก้อนนั้น เขาใช้เป็นทุนในการสร้างเนื้อสร้างตัวส่งลูกเรียนเมืองนอกเมืองนา จนถึงระดับปริญญาโท มีการมีงานทำ
ปัจจุบัน เขากลับไปใช้ชีวิตที่ภูมิลำเนาเดิม คือ บ้านโป่งกูบ ต.พังตรุ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี และยังรับเชิญร้องเพลงตามงานต่างๆ และจัดรายการวิทยุคลื่น "เสียงจากพนมทวน FM 93.30 " ที่ตนเองเป็นเจ้าของสถานี
สำหรับชีวิตครอบครัว เขาสมรสกับ กลอย มิ่งขวัญ (เป็นชื่อที่ใช้ตอนเป็นนักร้องวงก้าน แก้วสุพรรณ เพลงที่บันทึกเสียงเช่น ลูกขอทาน ลิเกรักบ้านนา) หรือ ดวงมาลย์ มิ่งมิตร (เป็นชื่อที่ใช้ตอนอยู่กับวงชาย เมืองสิงห์) หรือ “กลอยใจ เกศแก้ว” (เป็นชื่อที่ใช้ในการจัดรายการวิทยุ) โดยมีบุตรสาว 2 คน คือ. น้องเอ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ทำงานเป็นแอร์โฮสเตส การบินไทย และ (น้องแอล) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโททำงานบริษัทเอกชนในสหรัฐอเมริกา