ผู้เขียน หัวข้อ: ทำอย่างไรเมื่อสามีเป็นเกย์  (อ่าน 5600 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ แมวดำ

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 333
    519
  • เพศ: ชาย
  • ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
    • @pump_upp - best crypto pumps on telegram !
    • อีเมล์


สวัสดีค่ะ มีสุภาพสตรีสาวสวยมาทำ counseling กับครูเคทด้วยความกลุ้มใจเรื่องสงสัยสามีเป็นเกย์ และเธอไม่สามารถหย่าได้เนื่องจากมีลูกด้วยกัน และเธอไม่ต้องการให้ทุกคนในครอบครัวของเธอทราบว่าเธอได้แยกกันอยู่กับสามีมาหลายปีแล้ว เพราะไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร หรือสมเพช หรือมองว่าเธอล้มเหลวเรื่องครอบครัว

สอบถามเบื้องต้น ว่าอะไรทำให้เธอเชื่อว่าสามีของเธอจะเป็นเกย์ เธอเล่าให้ฟังว่าตอนที่เธอคบกับเขาใหม่ๆ เขาเป็นผู้ชายที่สุภาพ ให้เกียรติ เอาใจใส่ดูแลเธออย่างดี เธอแต่งงานกับเขาเพราะเห็นว่าเขาเหมาะสมในทุกๆ ด้าน เมื่อแต่งไปแล้ว เขาก็ยังดูแลเธอเป็นอย่างดี เป็นเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจที่ดีที่สุด แต่เธอเริ่มสังเกตว่าเขาไม่ค่อยมีการแสดงความรักด้วยการสัมผัสเธอสักเท่าไหร่ ไม่นานเขาก็เริ่มปฏิเสธเธอเมื่อเธอมีความต้องการ ซึ่งทำให้เธอเสียใจและรู้สึกด้อยค่าอย่างมาก เธอเริ่มคิดว่าเธอบกพร่อง ไม่สวยไม่น่าดึงดูดใจ ไม่สามารถทำให้เขามีความสุขได้ เมื่อครอบครัวของเธอเริ่มถามว่าเมื่อไหร่จะมีลูก เธอไม่รู้จะบอกครอบครัวอย่างไร ได้แต่เก็บปัญหาไว้ในใจ ในที่สุดเธอตัดสินใจคุยกับสามีว่าต้องการมีลูกและจะใช้วิธีฉีดเชื้อ สามีเธอให้ความร่วมมือในการเก็บน้ำเชื้ออย่างดี

เธอตั้งครรภ์สมใจได้ลูกสาวที่น่ารัก สามีของเธอรักลูกมาก แต่ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ทั้งสองคนทุ่มเทความรักให้กับลูก แต่เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นเข้าโรงเรียน เธอและเขากลับรู้สึกห่างกันมากขึ้น จันทร์ถึงศุกร์พวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว ไปเที่ยวด้วยกันพ่อแม่ลูกอยู่บ่อยๆ แต่เสาร์อาทิตย์ หรือ ช่วงปิดเทอมลูกสาวจะไปอยู่บ้านคุณยาย เพราะสนุกที่ได้เล่นกับลูกพี่ลูกน้องวัยเดียวกันหลายคน สามีเธอก็จะไม่กลับบ้าน (ลองฉุกคิดว่าเป็นเพราะเขารู้สึกผิด รู้สึกอึดอัดไม่รู้จะบอกความจริงอย่างไรหรือเปล่า จึงหลบหน้าไปเพื่อความสบายใจ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเขาไม่อยู่บ้านเพราะต้องการไปเสวยสุขกับคู่ของเขา ฯลฯ)

เธอสังเกตว่าสามีมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ เธอจึงเชื่อว่าเขาคงไปขลุกอยู่กับชายคนนั้น เวลาอยู่ที่บ้านเขากับเธอก็ไม่ค่อยมีเรื่องพูดคุยกันนอกจากเรื่องของลูก สามีเธอชอบดูรายการกีฬาโดยเฉพาะอย่างยิ่งมวยปล้ำ เธอยิ่งเชื่อว่าสามีเธอเป็นเกย์แน่นอน เพราะกีฬามวยปล้ำ เป็นกีฬาที่ผู้ชายสองคนใส่เสื้อผ้าเปิดเผยร่างกายค่อนข้างมาก กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน เธอก็เลยยิ่งเชื่อว่าสามีเธอเป็นเกย์แน่ๆ เธอพยายามพูดคุยเลียบเคียงสอบถามว่าเขาเป็นเกย์หรือไม่ เขาก็บอกว่าไม่เป็น เธอคิดมากไปเอง (ลองฉุกคิดว่าความจริงเขาอาจไม่ได้เป็นจริงๆ ก็ได้ เราอาจมโนไปเอง)

ใครที่มีปัญหาลักษณะนี้ คือสามีเป็นเกย์จริงๆ ครูเคทอยากแนะนำให้ตั้งสติ ถามตัวเองว่า การที่สามีเป็นเกย์ส่งผลอะไรต่อความรู้สึกของคุณ (ซึ่งไม่ใช่ความผิดของเขา เพราะเขาไม่ได้แกล้งเป็น เขาเป็นจริงๆ) คุณอาจจะรู้สึกว่าถูกหักหลัง กลัวและกังวลไปว่าหากคนอื่นรู้เรื่องเขาจะมองคุณอย่างไร กลัวลูกมีปมด้อย กลัวเขาไม่รัก กลัวปัญหามือที่สามจะเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของคุณ ฯลฯ

แต่หากลองมองความคิดของคุณให้ดี จะพบว่าความคิดเหล่านี้เป็นความผิดหวังเพราะคาดหวังว่าสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หรือ ความกลัววิตกกังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ดังนั้น ผู้ที่ประสบปัญหาอย่างนี้ ควรให้ความเป็นธรรมกับตนเอง อย่าโทษตนเองว่าไม่ดีพอ ไม่สวยพอ ฯลฯ จึงทำให้สามีเป็นเกย์ ความจริงคือเขาเป็นของเขาอย่างนั้น และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อย่าโทษตัวเองว่าเลือกคนผิด เพราะตอนที่เลือกเขามาเป็นคู่ชีวิต เขาคือคนที่เราได้คิดดีแล้ว ณ ตอนนั้น

ปัญหาอย่างนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว อย่าโทษเขา หรือ ตัวเอง แต่ให้ตั้งสติ พูดคุยกันดีๆ ช่วยกันหาทางออก ยอมรับกันและกัน ไม่พยายามเปลี่ยนแปลงใครให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ ให้ใช้ความรักที่มีต่อกันและต่อลูกเป็นสิ่งนำทางในการพูดคุยกัน อย่าตำหนิหรือโทษกัน (เพราะนั่นคือการพูดถึงอดีตไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา) หารือเรื่องการมีชีวิตร่วมกันและการมีชีวิตส่วนตัว ทำอย่างไรจะยอมรับซึ่งกันและกัน ไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัว เช่น ไม่ไปแขวะเรื่องการเป็นเกย์ (เพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัว) แต่ควรพูดคุยเรื่องการเป็นพ่อที่ดีและสามีที่เป็นเพื่อนคู่คิดที่ดี

มองความรักในมุมใหม่ว่าไม่จำเป็นต้องมีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้อง ลองมองว่ามีครอบครัวหลายครอบครัวที่คุณพ่อบ้านเป็นเกย์แต่เขาก็เป็นพ่อ สามี และเพื่อนที่ดี ลูกๆ ก็มีความสุข พูดคุยถึงความรู้สึกที่มีต่อกันอย่างสร้างสรรค์ไม่ใช่เพื่อตำหนิกัน

ใครมีปัญหาไม่มีความสุขกับงาน หรือ มีปัญหาด้านชีวิต ครอบครัว ความสัมพันธ์ มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center โทร. 0814581165 เพื่อนัดคิว หรือ เข้าไปแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ HYPERLINK "http://www.facebook.com/kateinspirer" www.facebook.com/kateinspirer ได้นะคะ

จากบทความ "ไลฟ์สไตล์" โดย ครูเคท ใน นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 18 ต.ค. 2558
ขอขอบคุณข้อความดีๆ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=34706