ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อดอกไม้กินได้“Ellis” ยกระดับน้ำดอกไม้พร้อมดื่ม จากผลิตภัณฑ์ชุมชนขึ้นห้างดัง  (อ่าน 8286 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ แมวดำ

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 333
    519
  • เพศ: ชาย
  • ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
    • @pump_upp - best crypto pumps on telegram !
    • อีเมล์


น้ำดอกไม้พร้อมดื่ม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ผลงานวิจัยจากสถาบันพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย iTAP โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งได้รับการต่อยอดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชน ในจังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดราชบุรี อีกหลายจังหวัดในภาคกลาง
       
       สำหรับดอกไม้ที่ทาง สวทช. และกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชนเลือกนำมาพัฒนาเป็นน้ำดอกไม้พร้อมดื่ม ประกอบด้วย ดอกบัว กุหลาบ ดาหลา เข็ม และอัญชัน ซึ่งดอกไม้ทั้งหมด 5 ชนิด เป็นดอกไม้ที่มีการปลูกกันมากในทุกพื้นที่ของประเทศไทย สามารถหาได้ง่าย ราคาถูก และ จากผลงานวิจัยของ สวทช.ยังพบว่าดอกไม้ 5 ชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคต่างๆ ได้ดี
 
        น้ำดอกบัว จะมีคุณประโยชน์ช่วยในเรื่องบำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ แก้กระหาย แก้อ่อนเพลีย ช่วยคลายเครียดทำให้นอนหลับสบาย ขั้นตอนการทำน้ำดอกบัวมีหลายวิธีด้วยกัน โดยนำส่วนของบัว ได้แก่ กลีบบัว เกสร และดีบัว ตากแห้งก่อน แล้วนำไปต้มในน้ำสะอาดที่เดือด คนให้ทั่วสักพัก จากนั้นยกลง เติมน้ำตาล เกลือ ตามส่วนผสม ทิ้งไว้ให้เย็น นำไปบรรจุขวด ซึ่งบางสูตรที่ต้องการเพื่อสุขภาพตัดน้ำตาลออกไป แต่จะใช้หญ้าหวานแทน สูตรการทำแตกต่างกันไปแต่ละแห่ง แล้วแต่ว่าใครจะต้องการสูตรแบบไหนเติมลงไปได้ ส่วนบัวที่ใช้นิยมใช้บัวหลวง เพราะราคาถูกกว่าบัวฉัตรที่นิยมนำไปถวายพระ
       
       น้ำดอกกุหลาบ ทางผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเลือกใช้กุหลาบมอญ เพราะเป็นกุหลาบที่สามารถหาได้ง่าย และมีการปลูกกันในท้องถิ่น คุณประโยชน์ของน้ำดอกกุหลาบช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ความสวยความงาม เป็นยาระบายอ่อนๆ ขั้นตอนการทำน้ำดอกกุหลาบ นำกุหลาบแห้งมาต้ม เติมน้ำตาลเพิ่มความหวาน และนำวุ้นมะพร้าวที่กรองสะอาดเตรียมไว้มาปั่น นำส่วนผสมที่ได้ใส่ลงไปต้มให้สุก ทิ้งไว้ให้เย็น นำไปบรรจุขวด น้ำกุหลาบจะมีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นหอมของดอกกุหลาบ บางคนก็จะชื่นชอบในขณะที่บางคนก็อาจจะไม่ชอบ ตรงนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วย
       
       น้ำดอกดาหลา เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากอีกตัวหนึ่ง โดยคุณประโยชน์หลักคือ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ขั้นตอนการทำน้ำดอกดาหลา นำดอกดาหลามาปั่น จากนั้นนำมาต้มให้สุก เติมตะลิงปลิง ส่วนตะลิงปลิงนั้นให้นำมาหมัก โดยตอนหมักให้ใส่น้ำตาลทรายประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนโต๊ะลงไปด้วย จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือนจะได้น้ำหมักตะลิงปลิงมาใส่แทนน้ำโซดาและให้รสเปรี้ยวธรรมชาติ น้ำตาลทรายที่เตรียมไว้นำมาทำน้ำเชื่อม จากนั้นเมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดก็นำมาผสมรวมกัน ต้มให้สุก ชิมรสตามต้องการ ทิ้งไว้ให้เย็นนำไปบรรจุขวด ที่ต้องเติมตะลิงปลิงเพราะแก้ความฝาดของดอกดาหลาได้

       น้ำดอกเข็ม มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายในการต้านอนุมูลอิสระ ขับเสมหะ ขั้นตอนการทำ น้ำดอกเข็ม นำดอกเข็มแดงมาต้ม จากนั้นกรองให้เหลือแต่น้ำ นำตะลิงปลิงสดมาคั้นน้ำ และนำน้ำตะลิงปลิงผสมกับน้ำดอกแข็ม โดยน้ำตะลิงปลิงจะทำปฏิกิริยาทำให้น้ำดอกเข็มมีสีแดงปนมากขึ้น เติมส่วนผสมที่เตรียมไว้รวมกัน ต้มพอเดือด จากนั้นยกลงทิ้งไว้ให้เย็น นำไปบรรจุขวด
       
       น้ำดอกอัญชัน นั้นมีการทำขายกันอย่างแพร่หลาย เพราะทำง่าย และเป็นพืชที่สามารถหาได้ทั่วไป และที่สำคัญมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นพืชริมรั้วที่ไม่ต้องกลัวเรื่องสารตกค้างที่เป็นอันตราย น้ำดอกอัญชันจึงมีขายทั่วไป และก็เป็นที่นิยมของคนไทยมาช้านาน ขั้นตอนการทำ เริ่มจากเติมน้ำตาลทรายลงไปในน้ำสะอาดที่ตั้งรอไว้ ต้มให้สุก จากนั้นนำดอกอัญชันแห้งที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ต้มต่อไปให้เดือด เติมรสตามชอบ จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น นำไปบรรจุขวด
       
       พอได้ทำความรู้จักกับน้ำดอกไม้ทั้ง 5 ชนิดที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชนทำออกมาจำหน่ายแล้ว มาทำความรู้จักกับผู้จัดจำหน่ายน้ำดอกไม้กันบ้าง ซึ่งนำเสนอน้ำดอกไม้ “แบรนด์ Ellis” ของ “นายนันทพัทธ์ โชคสกุลเกียรติ” ซึ่งเป็นแบรนด์หนึ่งที่ได้มีการยกระดับน้ำดอกไม้ ขึ้นมาในกลุ่มของตลาดพรีเมียม ขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ
     นายนันทพัทธ์ เล่าว่า พอได้เริ่มรู้จักน้ำดอกไม้ และเห็นถึงคุณประโยชน์ต่างๆ ที่มีต่อร่างกาย ประกอบกับมองเห็นช่องทางการตลาดกลุ่มคนรักษ์สุขภาพในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการสินค้าในกลุ่มนี้สูงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจว่าจ้างให้กลุ่มผู้ผลิต ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ผลิตจำหน่ายอยู่แล้ว มาผลิตให้ในแบบและสูตรที่เราต้องการ
สำหรับช่องทางการขาย เนื่องจากเพิ่งเปิดตัวได้เพียงแค่ 4 เดือน จะใช้การออกงานแสดงสินค้า หรือที่มีการจัดกิจกรรมอีเวนต์ต่างๆ ตามห้างสรรพสินค้า ตามโรงพยาบาล ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดีมาก โดยการออกงานแต่ละครั้ง สามารถขายได้วันละประมาณ 4,000 บาท ไปจนถึง 10,000 บาท ส่วนน้ำที่ขายดีจะเป็นน้ำดอกบัว และ น้ำดอกกุหลาบ เพราะรสชาติกินได้ง่าย ไม่ฝาด และมีกลิ่นหอม ที่สำคัญคือ คนส่วนใหญ่รู้จักคุ้นเคยกับดอกบัว และดอกกุหลาบ และรู้ถึงคุณประโยชน์ของดอกไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นอย่างดี
       
       จากการไปทดสอบตลาดของนักท่องเที่ยว ทั้งเอเชีย และยุโรป ส่วนใหญ่ก็จะรู้จักดอกไม้ทั้งสองชนิดนี้เป็นอย่างดี ไม่ต้องอธิบายมาก และที่ไม่เลือกขายดอกอัญชัน เพราะเป็นน้ำที่มีขายและหาซื้อได้ทั่วไป แต่ถ้าเป็นดอกบัว กุหลาบ ยังมีคนทำออกมาขายจำนวนน้อย และจากการทดสอบตลาดชาวต่างชาติ จะพบว่าคนยุโรปไม่กล้าดื่ม ต่างจากคนเอเชีย โดยเฉพาะคนจีน จะให้ความสนใจและกล้าซื้อดื่มมากกว่า ดังนั้น การทำตลาดต่างประเทศมองเพียงตลาดจีนเท่านั้น
       
       ทั้งนี้ ในอนาคตมีแผนที่จะนำไปฝากวางขายในร้านเพื่อสุขภาพ รวมถึงตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เดอะมอลล์ สยามพารากอน เป็นต้น และมีแผนที่จะเปิดร้านที่ขายเฉพาะผลิตภัณฑ์จากดอกไม้ ในชื่อ Ellis in flower land โดยมีแผนที่จะนำดอกไม้มาเป็นส่วนผสมในอาหารประเภทอื่นๆ เช่น ไอศกรีมดอกไม้ นมสด รวมถึงคุกกี้ และขนมในกลุ่มเบเกอรี เป็นต้น มารวบรวมและวางจำหน่ายภายในร้าน เพื่อให้คนรักษ์สุขภาพได้รู้จัก และสัมผัสกับคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์จากดอกไม้ในหลายๆ รูปแบบด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากASTVผู้จัดการออนไลน์ขอบคุณมากนะคะ
http://manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000110000


ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=34463

ออฟไลน์ ทรงพล ลำพูน

  • เซียน
  • ****
  • ออฟไลน์
  • 507
    469
  • เพศ: ชาย
    • @pump_upp - best crypto pumps on telegram !

ไม่น่าเชื่อนะครับ ดอกไม้ของไทยเรา หลายชนิดนอกจากจะนำมาบริโภคได้แล้ว ยังสามารถทำเป็นสินค้าในรูปแบบต่างๆเพื่อนำไปบริโภคได้ ซึ่งตอนนี้สามารถทำน้ำดอกไม้ส่งขายต่างประเทศ นำรายได้มาสู้ประเทศเราได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่ดูไร้คุณค่าในอดีตแต่ปัจจุบันกลายเป็นสิ่งที่สามารถก่อให้เกิดรายได้และอาชีพได้อีกด้วย  ขอบคุณคุณแมวดำมากนะครับ ที่กรุณานำข้อความดีๆมาโฟสให้กับสมาชิกเราได้อ่านและรับรู้กัน ขอบคุณมากครับ

+1 โดย แมวดำ

ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=34463