ผู้เขียน หัวข้อ: ถึงเวลาขุดคลองกระ พลิกวิกฤตและเพิ่มโอกาส นำไทยสู่ความมั่งคั่งได้แล้วหรือยัง  (อ่าน 1688 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ แมวดำ

  • ปรมาจารย์
  • ***
  • ออฟไลน์
  • 333
    519
  • เพศ: ชาย
  • ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
    • @pump_upp - best crypto pumps on telegram !
    • อีเมล์


........โลกในศตวรรษที่ 21 เป็นโลกแห่งก้าวใหม่ในด้านเทคโนโลยี โลกแห่งพลังงานทางเลือก โลกแห่งการค้นหาสิ่งใหม่นอกจักรวาล โลกแห่งการแข่งขันคิดค้น นวัตกรรมใหม่และโลกแห่งการแข่งขันทางเศรษฐกิจสู่ความมั่งคั่งของประเทศและความกินดีอยู่ของประชากรในชาติ

.........ตรงข้ามปัจจุบันโลกอยู่ในภาวะฝืดเคืองด้านเศรษฐกิจทั้งในอเมริกายุโรป และเอเชีย ทุกประเทศดิ้นรนหาทางเลือกใช้ยุทธวิธีทั้งด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ใช้การต่อรองอย่างเข้มข้น ประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อยู่ในสังคมโลกและกำลังได้ผลกระทบต่อเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น ประกอบกับรัฐบาลไทยในปัจจุบันที่บริหารประเทศเป็นรัฐบาลที่มาด้วยอำนาจพิเศษ (รัฐประหาร) ซึ่งเป็นรัฐบาลที่นานาชาติตั้งข้อรังเกียจ ไม่ยอมรับ จึงทำให้ไทยมีแรงบีบ ทั้งทางตรงและทางอ้อมจนทำให้รัฐบาลและ คสช.มีผลกระทบยุ่งยากในการบริหารจัดการอย่างหนักหน่วงอยู่ในขณะนี้ และในอนาคตข้างหน้า ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของไทยนับวันจะลดน้อยถอยลง เช่น แร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากรอื่นๆ ซึ่งเป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนประเทศทั้งระบบจะหมดลงในเวลาอันใกล้พร้อมสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลกนับวันจะรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะภัยแล้งซึ่งรุนแรงรอบ 30-50 ปี ด้วยเหตุผลและปัจจัยดังกล่าวข้างต้นมีช่องทางหนึ่งที่ประเทศไทยและผู้เกี่ยวข้องน่าจะนำมาวางแผน คือ หาช่องทางใหม่เพื่อสร้างความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศคือ การรื้อฟื้นโครงการขุดคลองกระ ซึ่งผู้เขียนใคร่ขอเสนอแนะ แนวคิดและความสำคัญของโครงการขุดคลองกระดังนี้

..........การขุดคลองกระ (คอคอดกระ) ได้เกิดขึ้นร่วม 200-300 ปีมาแล้ว แต่ด้วยเหตุผลและปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะด้านความมั่นคง ทำให้ผู้มีอำนาจไม่กล้าตัดสินใจแต่วันนี้สภาพการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลงไปประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ยิ่งวิตกกังวล ผู้เขียนเคยเข้าร่วมประชุมโครงการขุดคลองกระกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และหน่วยงานอื่นๆ ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการมาหลายครั้ง กลับมีมุมมองว่าคลองกระถึงเวลาแล้วที่ผู้เกี่ยวข้องต้องตัดสินใจ
.......เพราะคลองกระจะกลายเป็นยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของโลกข่าวในทางลึกประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ขัดขวางและคัดค้านโครงการดังกล่าวอย่างเอาเป็นเอาตายทีเดียวถึงกับลงทุนจำนวนเงินมหาศาลเพื่อต่อรองผู้มีอำนาจที่จะตัดสินใจโครงการดังกล่าวพร้อมใช้แรงบีบต่างๆ มากมาย ทั้งในและต่างประเทศ การขุดคลองกระได้มีผู้รับผิดชอบประชุมสัมมนามาหลายครั้ง ซึ่งมีการกำหนดเส้นทางการขุดหลายแนวด้วยกัน คือ

แนวที่ 1 จ.ระนอง-จ.ชุมพร ระยะทาง 130 กม.

แนวที่ 2 จ.ระนอง-อำเภอหลังสวน จ.ชุมพร ระยะทาง 90 กม.

แนวที่ 2 A จ.ระนอง (บ้านราชกรด) อ.หลังสวน จ.ชุมพร ระยะทาง 90 กม.

แนวที่ 3 ท้ายเหมือง จ.พังงา-อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 160 กม.

แนวที่ 3 C ทับปุด จ.พังงา-อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 ก.ม.

แนวที่ 3 A/4 สิเกา จ.ตรัง-ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ระยะทาง 156 กม.

แนวที่ 5 สตูล-จ.สงขลา ระยะทาง 108 กม.

แนวที่ 5 A สตูล-จ.สงขลา ระยะทาง 102 กม.

แนวที่ 6 สตูล (ตอนใต้)-อ.จะนะ จ.สงขลา ระยะทาง 102 กม.

แนวที่ 7 A กันตัง จ.ตรัง-พัทลุง- จ.สงขลา ระยะทาง 110 ก.ม.

แนวที่ 9 A กระบี่, ตรัง-พัทลุง-นครศรีธรรมราช และสงขลา ระยะทาง 120 กม.

และจุดที่ผู้เขียนขอสนับสนุนมากที่สุด คือ แนว 9 A เป็นจุดที่อยู่ตอนกลางของภาคใต้ ห่างจากประเทศสิงคโปร์ราวๆ 700-800 กม. ห่างจากประเทศเมียนมา ราว 700-800 กม.เช่นกัน
.......จุดนี้ผ่านเทือกนครศรีธรรมราชประมาณ 10 กม. องค์กรท้องถิ่นสนับสนุน มีประชากรหนาแน่นน้อย เป็นพี่น้องชาวไทยพุทธ 95-98% มีพี่น้องชาวไทยอิสลาม และอื่นๆ ราว 2-5% ชายฝั่งกระบี่มีเกาะแก่งเหมาะแก่การตั้งท่าเรือที่หลบลมมรสุม เช่นเดียวชายฝั่งอ่าวไทยมีชายทะเลที่กว้างยาว ทอดยาวไปบริเวณอำเภอขนอมทางใต้เชื่อมโยง อ.ระโนด จ.สงขลา และท่าเรือน้ำลึกสงขลา แต่มีพรุควนเคร็งเป็นทางเลือกที่สามารถพัฒนาเป็นท่าเรือได้ แต่อาจจะมีผลกระทบบ้างด้านสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงทะเลน้อย จ.พัทลุง แนว 9A มีจุดเสริมที่เด่น คือ เป็นศูนย์กลางของภาคใต้เชื่อมโยงกรุงเทพฯ เมืองหลวงไปสู่ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเชื่อมโยงเมืองท่าสัตหีบ แหล่งอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ไปสู่กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีน ฮ่องกง เกาหลี และญี่ปุ่น ด้านตะวันตกเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจใหม่ของไทย จ.กาญจนบุรี และเมืองท่าทวายของเมียนมา สามารถเชื่อมโยงไปถึงเมืองท่าบังกลาเทศ โคลัมโบ ศรีลังกา และเมืองท่าของอินเดีย
.....คอคอดกระหรือคลองกระจะเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญของโลกเพราะเป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรที่สำคัญของโลกเป็นเขตที่มีประชากรประมาณ 3,000-4,000 ล้านคน ที่เป็นแหล่งที่มีกำลังในการบริโภคสูงที่สุดในโลก เป็นเขตที่มหาอำนาจของโลกอย่างอเมริกา และจีนหมายปองที่จะเข้ามามีอิทธิพล คลองกระทำให้ไทยจะกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจต่อรองกับมหาอำนาจทั่วโลก คลองกระสามารถย่นระยะทางจากช่องแคบสุมาตราได้ประมาณ 1,300-1,500 กม. ย่นเวลาเดินทางได้ 3-6 วัน ลดค่าใช้จ่ายปีละนับ 100,000 ล้านบาท
......คลองกระจะสร้างรายได้ สร้างงานให้คนในภาคใต้และประเทศอย่างมหาศาล มีธุรกิจเกิดขึ้นมากมายเกือบทุกสาขา สามารถทำรายได้ให้กับประเทศมหาศาล สามารถนำรายได้มาพัฒนาเศรษฐกิจในภาคใต้โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดภาคใต้ น่าจะทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้และโอกาสของคนใน 3 จังหวัดลดลง และนำมาซึ่งความสงบสุขที่เท่าเทียมกัน และอาจจะเป็นปัจจัยทำให้ความขัดแย้งหยุดลงอาจจะเป็นได้
.......คลองกระสามารถรองรับการเดินเรือได้400-600 ลำต่อวัน (ช่องแคบสุมาตราเรือผ่านวันละ 300-500 ลำ/วัน คลองปานามา 40-50 ลำ/วัน คลองสุเอซ 100-120 ลำ/วัน) คลองกระการเดินเรือจะสะดวกเพราะจะปลอดจากพายุที่รุนแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือ พื้นที่ทั้งสองฝั่งจะไม่เป็นอุปสรรคของระดับน้ำทะเลเหมือนคลองปานามา ความต่างของระดับระหว่างทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีเพียง 0.5 เมตรเท่านั้น คลองกระจะเพิ่มศักยภาพการจับปลาของประเทศไทย (เรือประมง 40,000-50,000 ลำ) จากอ่าวไทยมาสู่แหล่งใหม่ คือ ทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอุตสาหกรรมประมงไทยในปัจจุบันนับวันที่ยุ่งยากและลำบากมากขึ้นเพราะปลากำลังจะหมดประเทศ
.......เพื่อนบ้านเริ่มนำกฎหมายด้านการประมงให้มีผลบังคับใช้มากขึ้นชาวประมงไทยถูกกีดกันมากขึ้นคลองกระจะเป็นเส้นทางการขนส่งและค้าขายน้ำมัน วันละ 80,000-100,000 ตันต่อวัน (สิงคโปร์ 70,000-80,000 ตันต่อวัน) คลองกระจะเป็นเส้นทางที่ให้คนไทยเป็นประเทศมีสถานภาพที่ทรงพลังทางยุทธศาสตร์ของโลกทุกๆ ด้าน ไทยจะกลายเป็นผู้ควบคุมยุทธศาสตร์ของกลุ่มประเทศอาเซียน ไทยจะเป็นประเทศที่ประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาจะต้องให้ความสำคัญ
........นี่คือโอกาสทองที่ล้ำค่าอย่างมหาศาลถ้าหากรัฐบาลและ คสช. และผู้ที่เกี่ยวข้องนำมาคิดนำมาทบทวนวางแผน อย่ามัวกังวลอยู่เลย การตัดสินใจเพื่อนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งของประเทศ คือ เป้าหมายและความฝันที่สูงสุด ตัดสินใจเถอะ 10 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะไม่มีทรัพยากรให้ลูกหลานรุ่นหลังได้มีได้ใช้อีกต่อไป มีคลองกระนี่แหละคือแสงแห่งเรืองรองของไทยในเบื้องหน้า มีคลองกระเกิดขึ้นพร้อมๆ กับรถไฟความเร็วสูง ลองคิดดูซิประเทศของเราจะก้าวไปข้างหน้าแค่ไหน จะซื้อเรือดำน้ำสัก 10-20 ลำ เพื่อดูแลคลองกระและน่านน้ำคงไม่มีใครค้าน ลองคิดดู
.......นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ชายชาติทหารลองพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง เหมือนตัดสินใจปฏิวัติ ใน 1 ปีที่ผ่านมา และขอปรบมือเป็นกำลังใจ ที่กล้าใช้ ม.44 แก้ปัญหาด้านการประมงชายฝั่ง และประมงน้ำลึก การรุกล้ำน่านน้ำ ด้วยความจริงใจและเชื่อมั่นว่าอีกไม่นาน ความอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว จะกลับมาทำให้ไทยเป็นแผ่นดินเงิน แผ่นดินทองอย่างแน่นอน
 
 
ขอขอบคุณบทความของคุณณรงค์ ขุ้มทอง
ประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
โรงเรียนนวมินทราชูทิศทักษิณและโรงเรียนดาวนายร้อย
(จาก นสพ.มติชนรายวัน 20 สิงหาคม 2558)


ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=34257

ออฟไลน์ คนนนท์

  • เทพ
  • *****
  • ออฟไลน์
  • 678
    271
  • เพศ: ชาย
    • อีเมล์

ได้ยินเรื่องการขุดคลองคอคอดกระมานานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีรัฐบาลไหนกล้าทำซักที ในฐานะประชาชนตาดำ ๆ ก็ไม่มีข้อมูลให้รับทราบข้อดีข้อเสีย เลยไม่รู้ว่าจะเห็นด้วยดีหรือไม่ หากจะขุดจริงคงใช้เงินมหาศาล และกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย คงต้องศึกษาให้รอบคอบก่อน
 :'e:94


ลิ้งค์หัวข้อ: https://www.plengpakjai.net/index.php?topic=34257